xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ฮิต! Facebook ตัดใจเลิกทำ Trending-ปุ่มแสดงความรู้สึกตามเทศกาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

แฟ้มภาพปุ่มแสดงความรู้สึกเวอร์ชันพิเศษบน Facebook ฉลองวาระครบ 50 ปี Star Trek เมื่อปี 2016
เฟซบุ๊ก (Facebook) ตัดใจเลิกทำส่วน Trending และปุ่มแสดงความรู้สึกตามเทศกาล ยอมรับตรงไปตรงมาว่าไม่ได้รับความนิยม ถือเป็นการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงที่สะท้อนพฤติกรรมของชาวเฟซบุ๊กที่ต่างจากผู้ใช้เครือข่ายสังคมอื่น

หลังจาก 2 ปีที่เฟซบุ๊ก (Facebook) เปิดให้ผู้ใช้บางกลุ่มคลิกปุ่มแสดงความรู้สึก หรือ reaction ทั้งถูกใจ, รักเลย, ฮ่าๆ, ว้าว และเศร้า แบบเวอร์ชันพิเศษอิงตามเทศกาลในเวลาจำกัด โดยที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพิ่มรูปดอกไม้สีม่วงสัญลักษณ์วันแม่อเมริกันเมื่อปี 2016 และ 2017 ขณะเดียวกัน ก็เพิ่มรูปธงสีรุ้งช่วงมิถุนายนปีที่แล้วเพื่อฉลองการเปิดกว้างรับกลุ่มรักร่วมเพศ ยังมีกลุ่มภาพพิเศษฉลองวาระครบ 50 ปี Star Trek เมื่อปี 2016

แต่ล่าสุด ลิซ่า สเตรตัน (Lisa Stratton) โฆษกเฟซบุ๊ก ยืนยันกับสำนักข่าวบิสสิเนสอินไซเดอร์ (BI) ว่า นับตั้งแต่ปีนี้ไป บริษัทจะยกเลิกไม่ให้บริการปุ่ม reaction ตามเทศกาล และจะหันไปฉลองเทศกาลด้วยภาพกลุ่มอื่นแทน เช่น กรอบภาพแต่งรูป profile, โพสต์ฉลองวาระพิเศษ specialized text post พร้อมภาพพื้นหลัง ยังมีการแต่งภาพ หรือ AR filter พิเศษที่ใช้กับระบบรับส่งข้อความด่วนอย่างแมสเสนเจอร์ (Messenger) อีกด้วย

การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่า เฟซบุ๊กไม่เห็นอิมแพคของการสร้างปุ่มแสดงความรู้สึกแบบอิงเทศกาล ทำให้บริษัทตัดสินใจยุติเพื่อให้ความสำคัญกับบริการอื่นที่มีอิทธิพลมากกว่า
เฟซบุ๊กเคยเพิ่มรูปดอกไม้สีม่วงสัญลักษณ์วันแม่อเมริกันเมื่อปี 2016 และ 2017
กรณีนี้ตรงกับการยกเลิกส่วนรวมหัวข้อพูดคุยกระแสแรงอย่าง Trending ซึ่งเฟซบุ๊กยอมรับว่าไม่ได้รับความนิยม เพราะมียอดคลิกอ่านเฉลี่ยน้อยกว่า 1.5% ของยอดคลิกอ่านของสำนักข่าว ทำให้ตัดสินใจว่าบริการ Trending ไม่มีประโยชน์เท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม การปิดบริการ Trending นั้น ไม่ส่งผลกระทบวงกว้างเพราะ Trending เปิดให้บริการเฉพาะในอเมริกาเหนือ, อเมริกาใต้, ยุโรป, อินเดีย และออสเตรเลีย ตั้งแต่ปี 2014 สำหรับการตัดสินใจนี้ เฟซบุ๊กระบุว่าจะเปลี่ยนไปหาวิธีอื่นในการดึงหัวข้อน่าสนใจประจำวัน โดยขณะนี้ทดสอบระบบแสดงข่าวด่วน ระบบข่าวท้องถิ่น และระบบวิดีโอข่าวในผู้ใช้บางกลุ่ม

ประเด็นการปิดบริการ Trending ยังถูกมองว่าเป็นตัวอย่างความพยายามล่าสุดของเฟซบุ๊กที่จะทบทวนการนำเสนอข่าวอีกครั้ง หลังจากที่เฟซบุ๊กถูกวิจารณ์หนักเรื่องข่าวปลอม.
เฟซบุ๊กสั่งปิด Trending ยอมรับว่าไม่ได้รับความนิยมเพราะมียอดคลิกอ่านเฉลี่ยน้อยกว่า 1.5% ของยอดคลิกอ่านของสำนักข่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น