xs
xsm
sm
md
lg

ฟันธง เลือก S9+ หรือ P20 Pro เหมาะกว่ากัน?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Samsung Galaxy S9+ ก็ชูจุดเด่นในแง่ของการเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้ดีที่สุดในโลก
ในเมื่อเรื่องกล้องกลายเป็นประเด็นหลักที่ทั้ง Samsung Galaxy S9+ และ Huawei P20 Pro ต่างออกมาให้ความสำคัญ ด้วยการชูจุดเด่นในแง่ของการเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้ดีที่สุดในโลก พร้อมงัดเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยประมวลผลเพื่อทำให้ภาพสวยงามขึ้น

สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นเปิดตัวออกมาในระยะเวลาห่างกันประมาณ 1 เดือน เริ่มจากที่ Samsung ในเวลาช่วงก่อนงาน Mobile World Congress 2018 หรือราวปลายเดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องต้นเดือนมีนาคมในการนำเสนอ Samsung Galaxy S9 และ Samsung Galaxy S9+

ประเด็นที่น่าสนใจหลังจากการเปิดตัวคือประเทศไทย ถูกขยับขึ้นมาเป็น Tier 1 ของ Samsung ในการวางจำหน่ายเครื่องทั้ง 2 รุ่น โดยมีการให้เปิดจองภายหลังจากเปิดตัวในต่างประเทศ และเริ่มให้ลูกค้าทยอยรับสินค้าตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา

ความแตกต่างเพียงแต่ว่าเมื่อเทียบระหว่าง S9 และ S9+ ความสามารถใหม่ของซีรีส์นี้กลับไปตกอยู่ที่ S9+ เป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการมาพร้อมกับกล้องคู่ Dual Camera ทำให้สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ ในเครื่องระดับไฮเอนด์ตามต่อจาก Samsung Galaxy Note 8 ที่วางจำหน่ายช่วงปลายปีที่ผ่านมา

จุดที่พิเศษของ S9+ เลยคือการนำเลนส์ที่มีรูรับแสงได้กว้างสุดในท้องตลาดที่ f/1.5 และสามารถปรับเลือกรูรับแสงในการถ่ายภาพได้ระหว่าง f/1.5 และ f/2.4 ได้ เข้ามาใช้งาน โดยจุดประสงค์เพื่อให้ S9 และ S9+ สามารถถ่ายภาพในที่สว่างได้คมชัด (จาก f/2.4) และเก็บรายละเอียดภาพในที่แสงน้อยได้ จาก f/1.5

ขณะเดียวกัน Samsung ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยเพิ่มเติมด้วยการนำระบบ AI มาช่วยประมวลผลภาพ ด้วยการตั้งให้ตัวเครื่องทำการบันทึกภาพออกเป็นทั้งหมด 4 ภาพ 3 ชุด รวมเป็น 12 ภาพ แล้วนำมาซ้อนกันเพื่อประมวลผลให้เก็บรายละเอียดในภาพได้มากที่สุด และยังช่วยลดนอยซ์ในภาพได้ 30% เมื่อเทียบกับ Galaxy S8

แต่ทั้งนี้ จุดที่ทำให้ S9+ โดดเด่นกว่าคู่แข่ง คือเรื่องของการนำระบบกันสั่น Dual OIS เข้ามาใช้งานกับกล้องคู่ ช่วยให้ทั้งการถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ ช่วยให้ภาพที่ออกมาไม่เกิดอาการสั่นไหว แม้ผู้ใช้จะมือสั่นเล็กน้อยขณะถ่ายภาพ

ถัดมา คือ Huawei ที่เลือกใช้ช่วงปลายเดือนมีนาคม ในการเปิดตัว Huawei P20 และ P20 Pro โดยจัดเป็นอีเวนต์แยกออกมา เพื่อนำเสนอความสามารถของ P20 ในการถ่ายภาพ โดยใช้ฉากหลังเป็นหอไอเฟล ที่ปารีส ฝรั่งเศส เพื่อสื่อถึงการเป็นผู้นำในแง่ของแฟชั่น

ที่ผ่านมา สินค้าในตระกูล P ซีรีส์ ของ Huawei จะเน้นไปที่ความสวยงามในการออกแบบ เพื่อชูความล้ำสมัย พร้อมไปกับการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์กล้องระดับโลกอย่าง ไลก้า (Leica) เพื่อมาช่วยในการปรับแต่งและดึงประสิทธิภาพของกล้องบนสมาร์ทโฟนออกมา

โดยตามกำหนดของ Huawei P20 กำลังอยู่ในช่วงเปิดจองถึงหลังสงกรานต์ ก่อนจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายในวันที่ 20 เมษายน ซึ่งในช่วงเปิดจอง 3 วันแรกทาง Huawei ระบุว่า ยอดจองล้นเกินเป้าหมายที่วางไว้ไปเรียบร้อย

จุดต่างระหว่าง P20 และ P20 Pro หลัก ๆ เลย คือ เรื่องของกล้องที่ P20 จะมากับกล้องคู่สี 12 ล้านพิกเซล f/1.8 + ขาวดำ 20 ล้านพิกเซล f/1.6 ส่วน P20 Pro จะมากับ 3 กล้องที่ประกอบด้วยกล้องสี 40 ล้านพิกเซล f/1.8 + ขาวดำ 20 ล้านพิกเซล f/1.6 และ กล้องเลนส์เทเล 8 ล้านพิกเซล f/2.4
Huawei P20 กำลังอยู่ในช่วงเปิดจองถึงหลังสงกรานต์ ก่อนจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายในวันที่ 20 เมษายน ซึ่งในช่วงเปิดจอง 3 วันแรกทาง Huawei ระบุว่ายอดจองล้นเกินเป้าหมายที่วางไว้ไปเรียบร้อย
ภายในของ Huawei ก็จะมีการนำ AI มาใช้งาน ทั้งในแง่ของการเลือกโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ ให้เข้ากับฉาก และวัตถุต่าง ๆ มีการปรับใช้ระบบกันสั่นที่เรียกว่า Huawei AIS (Artificial Intelligence Stabilization)โดยนำ AI มาช่วยปรับและประมวลผลภาพให้ออกมาดีที่สุด

ในจุดนี้ Huawei ชูความสามารถในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องด้วยการเก็บภาพราว 4 วินาที แล้วนำมาซ้อนภาพเพื่อให้เก็บรายละเอียดภาพก่อนนำมาประมวลผลให้ออกมาเป็นภาพจริง รวมถึงการเพิ่ม ISO ขึ้นไปอยู่ที่ 102400 เทียบชั้นกับกล้อง DSLR ในท้องตลาด

จุดที่เด็ดสุดของ Huawei ซีรีส์นี้ ตกไปอยู่กับ P20 Pro ที่ได้รับการยอมรับให้กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องดีที่สุดในโลกเวลานี้ จากการใส่ระบบ Hybrid Zoom เพื่อช่วยให้สามารถซูมภาพเข้าไปได้ 5 เท่า เมื่อทำงานร่วมกับระบบ Huawei AIS ก็จะทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาคมชัดเช่นเดิม

แต่ในส่วนของการถ่ายภาพวิดีโอระบบ Hybrid Zoom จะรองรับเมื่อใช้การถ่ายในความละเอียด Full HD 30 เฟรม เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับความละเอียดที่สูงกว่านี้ได้ เช่นเดียวกับภาพนิ่งถ้าตั้งความละเอียดที่ 40 ล้านพิกเซลก็จะไม่สามารถปรับซูมได้

***เลือกตามที่ใช้งาน

คำถามที่เกิดขึ้นตามมา คือ สรุปแล้ว S9+ หรือ P20 Pro ดีกว่ากัน ถ้าตัดในเรื่องของสเปกออกไป เมื่อดูถึงภาพรวมในการใช้งานถ้าเป็นผู้ที่ชื่นชอบใช้สมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ ชอบสีแบบธรรมชาติ ไม่เน้นการปรับแต่งมากนัก ความสะดวกในการใช้งาน S9+ สามารถตอบโจทย์ได้มากกว่า จากการที่หยิบเครื่องขึ้นมาพร้อมถ่ายได้ทันที
จุดที่เด็ดสุดของ Huawei ซีรีส์นี้ ตกไปอยู่กับ P20 Pro ที่ได้รับการยอมรับให้กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องดีที่สุดในโลกเวลานี้
แต่ถ้าเป็นกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบสีสันจัดจ้านตามสไตล์ของ Leica ชื่นชอบในการปรับแต่งเพิ่มเติม P20 Pro จะมีลูกเล่นให้เลือกมากกว่า ซึ่งในจุดนี้ ทำให้ไม่ค่อยเหมาะกับการหยิบขึ้นมาถ่ายทันที แต่ต้องใช้ระยะเวลาเล็กน้อยให้ AI ประมวลผล หรือเลือกปรับโหมดใช้งานก่อน

ขณะที่ในมุมของการบันทึกวิดีโอระบบ Huawei AIS ยังไม่ค่อยสมบูรณ์มากนัก ทำให้เวลาซูมภาพระยะไกล ถ้ามือสั่นเล็กน้อยจะทำให้ภาพเกิดอาการไหลไปมา ซึ่งเชื่อว่าในจุดนี้เมื่อใช้ AI มาช่วย และเกิดการเรียนรู้อาการดังกล่าวอาจจะหายไปในอนาคต

***หน้าชัดหลังเบลอได้ทั้งคู่

เมื่อเป็นสมาร์ทโฟนที่มากับกล้องหลายเลนส์ ความสามารถที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องของการถ่ายภาพบุคคล (Portrait) แบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่ทั้ง 2 แบรนด์ต่างมีการนำเสนอเป็นจุดขายออกมา เพื่อตอบโจทย์การถ่ายภาพให้สนุกขึ้น
P20 Pro ยังไม่ค่อยเหมาะกับการหยิบขึ้นมาถ่ายภาพทันที แต่ต้องใช้ระยะเวลาเล็กน้อยให้ AI ประมวลผล หรือเลือกปรับโหมดใช้งานก่อน
อย่างใน S9+ จะมีโหมดถ่ายภาพอย่าง Dual Capture ที่เมื่อทำการถ่ายภาพบุคคล หรือเลือกใช้เลนส์เทเล เวลาถ่ายภาพเลนส์มุมกว้างก็จะเก็บภาพไว้ด้วย เพื่อให้ได้อีกมุมมองไว้ใช้งาน รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาอย่างการเลือกรูปทรงโบเก้ ที่จะเปลี่ยนแสงจากหลอดไฟกลม ๆ ให้กลายเป็นดาว ดอกไม้ หัวใจ และอื่น ๆ เมื่อถ่ายภาพในโหมด Live Focus

ขณะที่ P20 Pro ในโหมด Portrait นอกจากผู้ใช้จะสามารถเลือกได้ว่าจะเปิดโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ก็จะมีโหมดอย่าง 3D Portrait Lighting ที่นำ AI มาช่วยแต่งภาพให้เหมือนถ่ายภาพอยู่ในสตูดิโอมาเป็นลูกเล่นเพิ่มเติม

***ความเสถียรที่ Huawei ยังต้องพิสูจน์

อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ ในเรื่องของเฟิร์มแวร์ และอินเทอร์เฟสการใช้งาน ในจุดนี้เชื่อว่า Samsung ยังคงได้เปรียบ Huawei อยู่เล็กน้อยในแง่ของการอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้กับรุ่นเรือธง รวมถึงความเสถียรในการใช้งานโดยรวม โดยเฉพาะเมื่อใช้งานไปในระยะยาว 6 เดือน-1 ปี ที่ส่วนใหญ่ผู้ใช้งานแอนดรอยด์จะพบเจอกันเช่นอาการเครื่องช้าเครื่องหน่วง
จุดที่ทำให้ S9+ โดดเด่นกว่าคู่แข่ง คือเรื่องของการนำระบบกันสั่น Dual OIS เข้ามาใช้งานกับกล้องคู่ ช่วยให้ทั้งการถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
ขณะที่อินเทอร์เฟสในการใช้งาน S9+ หรือ Samsung Experience 9 จะให้ความคล่องตัวมากกว่า Huawei EMUI 8.1 ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของแต่ละบุคคล ดังนั้นในจุดนี้คงต้องไปลองสัมผัสจากการใช้งานจริงมากกว่า

***มูลค่าเพิ่มจากอีโคซิสเตมส์

ด้วยราคาเครื่องของ Huawei P20 Pro ที่วางจำหน่ายรุ่น 128 GB ในราคา 27,990 บาท เมื่อเทียบกับ Samsung Galaxy S9+ ที่เปิดตัวมาในราคาเริ่มต้น 31,900 บาท ในรุ่น 64 GB ไปจนถึง 37,900 บาทสำหรับรุ่น 256 GB จะเห็นว่า ระดับราคาห่างกันอยู่สูงถึง 10,000 บาท

แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาแลกกับราคาที่ต่างกันระหว่าง 4,000-10,000 บาท ก็จะเป็นในเรื่องของอีโคซิสเตมส์ที่ Samsung มีความพร้อมมากกว่า อย่างการนำเสนอประสบการณ์ชำระเงินรูปแบบใหม่อย่าง Samsung Pay การมีสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าอย่าง Samsung Galaxy Gift

ในส่วนของตัวเครื่อง S9+ จะมีฟีเจอร์ที่มากกว่า P20 Pro อย่างเช่น การชาร์จไร้สาย รองรับการเพิ่มหน่วยความจำไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติม และมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ให้ใช้งาน รวมถึงฟีเจอร์ที่ถูกชูให้กลายเป็นจุดเด่นอย่าง AR Emoji ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทำสติกเกอร์จากใบหน้าออกมาใช้งานกันบนโซเชียลมีเดีย

ดังนั้น สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์การใช้งานแล้วว่าได้ใช้งานฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมาเหล่านี้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ใช้ต้องการแค่สมาร์ทโฟนประสิทธิภาพดี ๆ กล้องถ่ายภาพสวย P20 Pro น่าจะเป็นคำตอบ แต่ถ้ามองถึงการใช้งานด้านอื่นรวม ๆ ด้วยในจุดนี้ S9+ ยังมีภาษีที่เหนือกว่า
สินค้าในตระกูล P ซีรีส์ ของ Huawei จะเน้นไปที่ความสวยงามในการออกแบบ เพื่อชูความล้ำสมัย พร้อมไปกับการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์กล้องระดับโลกอย่าง ไลก้า (Leica)


กำลังโหลดความคิดเห็น