xs
xsm
sm
md
lg

“กลุ่มสามารถ” ดัน “สามารถดิจิตอล” มั่นใจพลิกฟื้นหลังยุติ “ไอ-โมบาย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กลุ่มสามารถ แจ้งผลการดำเนินงานปี 60 รายได้รวม 13,130 ล้านบาท ขาดทุน 948 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ หลังจากยุติการทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือไอ-โมบาย อย่างไรก็ตาม สายธุรกิจอื่น ๆ ยังคงสร้างรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะสายธุรกิจไอที และโทรคมนาคม ที่สามารถสร้างมูลค่างานในมือในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นกว่า 8,000 ล้านบาท และตั้งเป้าเซ็นสัญญาใหม่ปีนี้อีกไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ด้านธุรกิจกล้องวงจรปิด ก็สร้างรายได้งามฟันกำไรเพิ่ม 500% และที่สำคัญคณะกรรมการ บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น และอนุมัติให้บริษัทดำเนินการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่ 2 แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วน 3 หุ้นต่อ 1 หน่วย โดยใบแสดงสิทธิมีอายุ 3 ปีนับจากวันที่ออก และมีราคาการใช้สิทธิ 15 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ บริษัทจะนำเสนอสาระสำคัญของการออกใบแสดงสิทธิดังกล่าวแก่ผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติกลางเดือนเมษายน และคาดว่าจะสามารถจัดสรรใบแสดงสิทธิได้ในเดือนพฤษภาคม 2561

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ด้วยเป้าหมายในการสร้างรายได้ประจำจากการต่อยอด และการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงนโยบายในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้สอดคล้องกับยุคสมัย และสามารถแข่งขันได้ ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินธุรกิจด้านโมบาย-มัลติมีเดียอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการเปลี่ยนชื่อ บริษัทสามารถ ไอ-โมบาย เป็น บริษัท สามารถดิจิตอล เพื่อรองรับการขยายธุรกิจด้าน Digital Content & Solutions อย่างเต็มรูปแบบ

โดยมีความคืบหน้าของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจ Digital Trunk Radio System หรือในชื่อทางการตลาดว่า DigiTrunk ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการวางระบบเครือข่ายและติดตั้งอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ โดยมั่นใจว่าภายในสิ้นปีจะมีผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 50,000 ราย และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 200,000 รายใน 2-3 ปี, ธุรกิจ Digital Tourism Solutions อยู่ระหว่างการนำเสนอและสรุปขอบข่ายบริการกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการเปิดตัวโครงการความร่วมมือในเร็ว ๆ นี้ ตามมาด้วย ธุรกิจ Co-Tower ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในช่วงครึ่งปีหลัง

“ในส่วนของธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ บริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นว่าควรยุติ เนื่องจากมีแนวโน้มในการทำกำไรที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจนไม่คุ้มค่าในการลงทุน ดังนั้น เพื่อมิให้เป็นภาระผูกพันในอนาคต บริษัทจึงได้มีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและเผื่อสินค้าล้าสมัยในมูลค่าที่เหมาะสม โดยบริษัทยังคงรับผิดชอบในการให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้าที่ใช้สินค้าของบริษัทอย่างเต็มที่”

นอกจากสายธุรกิจโมบายที่กำลังผันตัวเองเข้าสู่บริการดิจิทัลแล้ว บริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มสามารถ ถือว่ามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น สายธุรกิจ ICT นำโดย บมจ. สามารถเทลคอม หรือ SAMTEL ปีที่ผ่านมา สามารถคว้าโครงการใหม่ ๆ มูลค่ารวม 6,355 ล้านบาท อาทิ โครงการ Core Banking ของ ธอส. มูลค่า 1,898 ล้านบาท, โครงการติดตั้งระบบเครือข่ายโทรคมนาคมทหาร และอุปกรณ์ประกอบให้กับกองบัญชาการกองทัพไทย มูลค่า 941 ล้านบาท, การจำหน่ายเครื่องรับบัตรอัตโนมัติ (EDC) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ มูลค่ารวม 221 ล้านบาท, การจัดหาอุปกรณ์โครงข่ายให้แก่บริษัท กสท โทรคมนาคม และงานติดตั้งระบบบริหารจัดการสนามบิน ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ส่งผลให้ปัจจุบันมีงานมือมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้บรรลุเป้าหมาย 10,000 ล้านบาทในปี 2561

ด้านธุรกิจกล้องวงจรปิดภายใต้บริษัท วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม มีผลประกอบการปี 60 ทะลุเป้าทั้งรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นกว่า 500% โดยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้น จึงตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท ด้านธุรกิจคอลล์เซ็นเตอร์ ภายใต้ บมจ. วันทูวัน คอนแทคส์ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปีก่อน ด้วยโอกาสในการนำเสนอดิจิทัลโซลูชันใหม่ ๆ แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ส่วนที่จะเป็นไฮไลต์ในปีนี้ ได้แก่ สายธุรกิจ U-trans ที่มีบริษัท Cambodia Air Traffic Services เป็นหัวหอกสำคัญ จะมีการเคลื่อนไหวที่โดดเด่น โดยการนำบริษัท SAMART Transolutions เข้าจดทะเบียนใน ตลท. ภายในปลายปีนี้ เพื่อระดมทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจด้านการเดินทาง และโครงสร้างพื้นฐานที่คุ้มค่า

“ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศกำลังเริ่มคลี่คลาย บวกกับปริมาณงานโครงการที่เราจะร่วมประมูลมีมูลค่ามหาศาล และมีโอกาสที่จะได้งานจำนวนมาก ผมจึงมีความมั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้”


กำลังโหลดความคิดเห็น