‘เน็ตแอพ’ มองการแข่งขันของผู้ให้บริการแฟลชสตอเรจ และโซลูชันบริหารจัดการข้อมูลองค์กร ขึ้นอยู่กับโซลูชันของใครจะเข้าไปเชื่อมต่อคลาวด์ และนำมาใช้ประโยชน์เพื่อขยายธุรกิจได้ พร้อมมองการลงทุนคลาวด์ในไทยยังเติบโตต่อเนื่องจากปัจจัยหลัก คือ ดิจิทัลทรานฟอร์เมชัน
นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็ตแอพ ประจำมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ไทย, กัมพูชา, ลาว และพม่า กล่าวว่า ตอนนี้ในไทยถือว่ามีปัจจัยบวดในแง่ของการลงทุนเพื่อใช้งานไอที โดยเฉพาะการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ และระบบคลาวด์ที่จะมาช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ในปัจจุบัน
“เชื่อว่าในไทยจะมีการขยายการลงทุนต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยอย่างดิจิทัลทรานฟอร์เมชัน หรือแม้แต่ในภาคการเงินการธนาคารมีการลงทุนอย่างชัดเจน รวมถึงอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่ลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการใช้งานดาต้าที่เพิ่มสูงขึ้นของลูกค้า”
ส่วนในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ลาว และพม่า ก็อยู่ในช่วงที่เริ่มมีการลงทุนเพิ่มขึ้น จากการที่ช่วงที่ผ่านมาพัฒนาอินฟราสตรักเจอร์ที่ค่อนข้างพร้อม ก็จะเริ่มมีลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มเติม เพื่อให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ ถึงแนวโน้มการใช้งานดาต้าในประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องประมาณ 30% เทียบปีต่อปี จนถึงปี พ.ศ. 2563 ทำให้มีโอกาสที่การให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
ขณะที่เทรนด์ของการใช้งานคลาวด์เซอร์วิสที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะพบว่า หลาย ๆ องค์กรเริ่มเรียนรู้แล้วว่า การเปลี่ยนไปใช้งานระบบคลาวด์ไม่ได้ถูกกว่าเสมอไป เพราะมีเรื่องเน็ตเวิร์ก เรื่องซิเคียวริตี ซึ่งพอกลายมาเป็นไฮบริดคลาวด์ จนกระทั่งมัลติคลาวด์ องค์กรก็ต้องควบคุมและบริหารจัดการใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
“การแข่งกันที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จึงอยู่ที่ว่าผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันของใครเข้าไปเชื่อมกับคลาวด์แล้วให้ประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า ทั้งในแง่ของการบริหารจัดการข้อมูล ซึ่งเน็ตแอพ ก็จะชูความโดดเด่นในแง่ของการบริหารคลาวด์ได้ได้แบบไม่มีข้อจำกัด”
ทั้งนี้ ทางเน็ตแอพ ได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน องค์กรทั่วโลกกว่า 81% เริ่มนำกลยุทธ์มัลติคลาวด์ที่เป็นการเลือกใช้ผู้ให้บริการคลาวดหลายเจ้าพร้อม ๆ กันมาใช้งาน ขณะที่อีก 51% ใช้งานไฮบริดคลาวด์ และอีก 31% ได้ยกระดับธุรกิจของตนไปสู่การใช้งานไพรเวตและพับลิกคลาวด์ควบคู่กันไป
“ในยุคก่อนหน้านี้ คอมพิวเตอร์อาจจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ในยุคนี้ ดาต้าหรือข้อมูลจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้สามารถเติบโตได้ จากการนำข้อมูลมาบริหารจัดการ วิเคราะห์ เพื่อตอบสนองลูกค้าให้รวดเร็วที่สุด”
เน็ตแอพ จึงได้เน้นการนำเสนอวิสัยทัศน์ Data Fabric ที่เป็นโซลูชันให้ลูกค้าระดับองค์กรในประเทศไทยสามารถจัดเก็บ บริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลบนแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์ และมัลติคลาวด์ เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับขยายและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลทั้งหมด ไม่ใช่แค่เพียงข้อมูลจากส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น