ภาคการศึกษาไทยต้องได้ใช้ชุดโปรแกรมสำนักงานฟรี “ไทย ดับเบิ้ลยูพีเอส” (ThaiWPS) ลงนาม กระทรวงดีอี ช่วยกระจายชุดโปรแกรม 14 ล้านไลเซนต์สำหรับภาคการศึกษา และ 3 แสนไลเซนต์ให้แก่ครู รวมมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท หวังสร้างศักยภาพการศึกษาไทยก้าวสู่ไทยแลยด์ 4.0 แท้จริง
นายเกอะ เคอ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับเบิ้ลยูพีเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้นำโปรแกรมสำนักงาน “ไทย ดับเบิ้ลยูพีเอส” เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่บริษัทไม่ได้ตั้งเป้ารายได้ เพื่อนำเงินออกนอกประเทศเพียงอย่างเดียว
“นโยบายของบริษัทคือต้องการเข้าถึงผู้ใช้งาน ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาคนในประเทศไทยให้มีศักยภาพ โดยแนวทางในการทำตลาด คือ ตั้งใจให้คนไทยได้ใช้โปรแกรมสำนักงานให้ประทับใจก่อน เพราะเมื่อใช้งานได้ดีแล้ว ผู้ใช้จะบอกเองว่าสินค้าดี”
ดังนั้น บริษัทจึงได้ลงนามความร่วมมือกับรัฐบาลในการมอบชุดโปรแกรมซอฟต์แวร์ของบริษัทให้รัฐบาล ผ่านกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ในงาน เพื่อนำไปพัฒนาด้านการศึกษาในงาน Digital Thailand Big Bang 2017
นายพงศ์พรหม ยามะรัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ไทยดับเบิ้ลยูพีเอส จำกัด กล่าวเสริมว่า การสนับสนุนครั้งนี้ ไทย ดับเบิ้ลยูพีเอส ได้มอบซอฟต์แวร์โปรแกรมสำนักงานให้กระทรวงดีอีจำนวน 14 ล้านไลเซนส์สำหรับภาคการศึกษา และอีกจำนวน 3 แสนไลเซนส์สำหรับมอบให้ครู รวมทั้งหมดมูลค่า 20,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอีต้องมีการกำหนดพื้นที่ในการกระจายซอฟต์แวร์ให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทั้งโรงเรียน, มหาวิทยาลัย, และแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ตามต่างจังหวัด และสถาบันอาชีวะ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งนักเรียน นักศึกษา ครู หรืออาจจะเชื่อมต่อกับโครงการเน็ตประชารัฐ ที่มีอยู่ 24,700 หมู่บ้าน แต่การใช้นั้นต้องนำไปใช้ในการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ ไม่ใช่นำไปใช้เชิงพาณิชย์
“การพัฒนาคน ผมมองว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนของการพัฒนาประเทศนี้ ปัจจุบัน มาตรฐานการศึกษาไทยอยู่อันดับที่ 8 ในเออีซี เราต่ำกว่าลาวแล้ว เหนือเพียงแค่พม่า และเขมร เท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่รัฐประหยัดงบประมาณได้ รัฐก็ควรนำงบที่ประหยัดได้ มาสร้างศูนย์บ่มเพาะด้านการศึกษาตามจังหวัดต่าง ๆ ด้วย”
นายพงศ์พรหม กล่าวต่อว่า การส่งเสริมการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นดิจิทัลเนชัน คือ ประเทศที่ประชากรมีทักษะและโอกาสในการเข้าถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีดิจิทัลในระดับสูง ดังนั้น จึงขอฝากถึงหน่วยงานภาครัฐให้วางนโยบายเพื่อขับเคลื่อนภาคการศึกษาโดยใช้ใช้ซอฟต์แวร์ เพื่อมุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0 ในการส่งเสริมด้านการศึกษา และสร้างบุคลากรด้านไอที
ทั้งนี้ บริษัทพร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาลในการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้ซอฟต์แวร์ดังกล่าวช่วยพัฒนาศักยภาพของคนไทยได้อย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมา บริษัทมีการทำงานร่วมกับรัฐบาล และสถาบันการศึกษา ในการส่งบุคลากรเข้าไปบ่มเพาะความรู้ด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนนำระบบการให้บริการคลาวน์เข้ามาตั้งในประเทศไทย เพื่อรองรับข้อมูลทางเศรษฐกิจ และสังคม ทั้งการจัดเก็บ การประมวลผล และการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล หรือ บิ๊กดาต้า (Big Data) รองรับ Internet of Things (IoT) ที่เทคโนโลยีจะเชื่อมอุปกรณ์และเครื่องมือ โดยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง