xs
xsm
sm
md
lg

อินเทล ปิดแผนกพัฒนาอุปกรณ์ wearable ติดตามสถิติสุขภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ซีอีโออินเทล ไบรอัน เคอซานิทช์ (Brian Krzanich) เคยกล่าวว่า บริษัทต้องการพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ที่บ้านได้
สื่ออเมริกันระบุ อินเทล (Intel) ยุบ และย้ายพนักงานราว 80% ออกจากทีมพัฒนานาฬิกาอัจฉริยะ Basis อย่างเงียบ ๆ ตั้งแต่พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยล่าสุด ได้ปิดแผนกพัฒนาสินค้ากลุ่มอุปกรณ์สวมใส่ได้เพื่อติดตามสถิติสุขภาพทั้งหมดแล้ว คาดว่า อินเทลทยอยลดความสำคัญของธุรกิจ wearable ต่อเนื่องหลังจากเริ่มผลักดันเต็มแรงในปี 2014 ที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวนี้ของอินเทลถูกรายงานโดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อินเทลเริ่มส่งสัญญาณด้วยการลดสายการผลิตอุปกรณ์ wearable ของตัวเองลงอย่างช้า ๆ และไม่ได้กล่าวถึงรายได้จากหน่วยธุรกิจ wearable เลยในการแถลงตัวเลขรายได้ตั้งแต่ปี 2014

เรื่องนี้เป็นไปทิศทางเดียวกับรายงานของเทคครันช์ (TechCrunch) ที่รายงานเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้วว่า อินเทลกำลังวางแผนที่จะก้าวถอยหลังจากธุรกิจ wearable หลังจากที่ได้ซื้อกิจการนาฬิกาออกกำลังกาย “เบซิส” (Basis) อย่างไรก็ตาม ครั้งนั้น อินเทลไม่ได้ออกจากตลาดตามคาด โดยปฏิเสธข่าวว่าเป็นเพียงข่าวลือ

ล่าสุด แหล่งข่าวของ CNBC ยืนยันว่า เจ้าพ่อชิปยักษ์ใหญ่อย่างอินเทลไม่ได้รั้งพนักงานกลุ่ม Basis ไว้กับบริษัท โดยเปิดให้พนักงานประมาณ 80% รับโอกาสที่จะย้ายไปยังส่วนอื่นของธุรกิจตั้งแต่พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทั่ง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อินเทลตัดสินใจปิดแผนกนี้ลงอย่างเบ็ดเสร็จ เหลือเพียงหน่วยธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยีใหม่ หรือ New Technologies Group ซึ่งอินเทลเตรียมไว้บุกตลาดธุรกิจทันสมัย ก็จะมุ่งเน้นไปที่สินค้ากลุ่ม augmented reality หรือ AR มากขึ้น
นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะแบรนด์ Basis ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลอัตราการเต้นหัวใจ สถิตการเคลื่อนไหวร่างกายตามกิจกรรมต่างๆ
อินเทลยังไม่ออกมาให้ความเห็นกับข่าวปิดแผนกธุรกิจ wearable ในขณะนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอินเทลเคยฝันไกลว่าจะสามารถครองตลาด wearable อุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้เช่นเดียวกับที่แอปเปิล และฟิตบิต (Fitbit) ทำได้ในขณะนี้ ย้อนกลับไปในปี 2014 อินเทลได้ร่วมมือกับเซเลบฯ คนดังอย่างเช่น 50 cent เพื่อเปิดตัวหูฟังตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้ อินเทลยังเทเงินซื้อกิจการนาฬิกาสมาร์ทว็อตช์ Basis ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐด้วย

ก่อนหน้านี้ ซีอีโออินเทล ไบรอัน เคอซานิทช์ (Brian Krzanich) เคยกล่าวบนเวทีงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค หรือ CES เมื่อเดือนมกราคม 2014 ว่า บริษัทต้องการพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ที่บ้านได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้บนเว็บไซต์ของบริษัทอินเทล ยังคงโฆษณาชิปเซ็ตคูรี (Curie) สำหรับอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things) ที่เชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าออนไลน์เข้ากับอุปกรณ์ wearable อื่น ควบคู่ไปกับการเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตนาฬิกาอย่างแทกฮอยเออร์ (Tag Heuer)

อินเทลมีกำหนดแถลงตัวเลขรายได้ไตรมาสที่ 2 ในวันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคมนี้ คาดว่า บริษัทจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างครั้งนี้ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น