หลังจากยอมรับเมื่อกันยายนที่ผ่านมาว่า ถูกแฮกระบบจนทำให้ข้อมูลผู้ใช้มากกว่า 500 ล้านรายถูกขโมยไปเมื่อปี 2014 ล่าสุด ยาฮู (Yahoo) อดีตเจ้าพ่อออนไลน์อเมริกันออกมาก้มหน้ายอมรับอีกครั้งว่า เพิ่งพบร่องรอยการถูกแฮกระบบคนละครั้งกันเมื่อปี 2013 ซึ่งกระทบกับบัญชีผู้ใช้มากกว่า 1 พันล้านบัญชี ทุบสถิติการแฮกบริการออนไลน์ครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
Yahoo ออกมาเปิดเผยความเสียหายครั้งนี้ พร้อมกับเตือนให้ผู้ใช้รู้ตัว และเปลี่ยนรหัสผ่านเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงขึ้นอีกในอนาคต โดยจำใจเปิดเผยว่า การแฮกครั้งใหญ่ที่ทำให้ข้อมูลของบัญชีผู้ใช้ Yahoo กว่า 1 พันล้านคนถูกขโมยไปได้นั้น เกิดขึ้นเมื่อกันยายน 2013
ตัวเลขความเสียหายที่มากกว่าการแฮกเมื่อปี 2014 เกินเท่าตัวนั้น ทำให้สถานะของ Yahoo สั่นคลอนอย่างไม่ต้องสงสัย โดยก่อนหน้านี้ ยักษ์ใหญ่สื่อสารอเมริกันอย่างเวอไรซอน (Verizon Communication Inc) เคยออกมาประกาศเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า อาจจะยกเลิกสัญญาซื้อขายธุรกิจหลักของ Yahoo ที่เคยประกาศไว้ที่ 4.83 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่า การเปิดเผยเหตุถูกแฮกครั้งใหม่จะยิ่งทำให้ Verizon ต้องคิดหนัก และพิจารณาให้ดีถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาหากซื้อกิจการ Yahoo ไป
เบื้องต้น โฆษก Yahoo ยืนยันว่า Verizon ได้รับทราบความเคลื่อนไหว และการสอบสวนเหตุแฮกระบบที่เกิดขึ้น จุดนี้ทำให้มีความมั่นใจว่า การเปิดเผยครั้งนี้จะไม่กระทบต่อกระบวนการควบรวมกิจการในอนาคต
สำหรับแนวทางปฏิบัติของผู้ใช้ Yahoo ระบุว่า สิ่งแรกที่ผู้ใช้ควรทำ คือ เปลี่ยนรหัสผ่าน ให้คาดเดาได้ยากกว่าที่เคยตั้งไว้ แม้ Yahoo จะยอมรับว่า เหตุแฮกที่เกิดขึ้นทำให้ชุดคำสั่งของ Yahoo ถูกลักลอบเข้าถึง ซึ่งจะเปิดช่องให้นักแฮกสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ Yahoo โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่านก็ตาม
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ Yahoo ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า ปล่อยปละละเลยการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวด จุดนี้ถือเป็นบ่อเกิดความไม่น่าไว้วางใจในบริการ Yahoo อีกต่อไป ไม่ว่าอย่างไร Yahoo ได้แต่ขออภัย พร้อมกับก้มหน้ารับว่า ข้อมูลผู้ใช้ที่นักแฮกได้ไปในปี 2013 นั้น “อาจ” คล้ายคลึงกับการแฮกในปี 2014
ข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ Yahoo ที่นักแฮกอาจเข้าถึงได้คือ ชื่ออีเมลแอดเดรส หมายเลขโทรศัพท์ วันเกิด รหัสผ่าน และบางกรณีอาจได้ข้อมูลคำถามคำตอบที่ตั้งไว้เพื่อความปลอดภัย
สำหรับข้อมูลเลขที่บัญชี หรือบัตรเครดิต Yahoo ขอให้วางไว้ เพราะไม่มีการเก็บไว้ในส่วนที่บริษัทพบในเบื้องต้นว่า ถูกแฮก
ข่าวนี้ทำให้หุ้นของ Yahoo หล่นฮวบทันที 2.4% ก่อนไปเกาะระดับที่ 39.91 เหรียญสหรัฐ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (14 ธ.ค.)
