แม้ว่าการแข่งขันในแง่ของระบบลอจิสติกส์ในการส่งของจะยังไม่รุนแรงมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่การที่ Grab ต้องการกระตุ้นผู้ใช้ให้เกิดการใช้งาน GrabBike (Delivery) มากขึ้น จึงเน้นไปที่การปรับลดราคาค่าบริการลงราว 20% ในระยะทางใกล้ๆ เพื่อให้ลูกค้าหันมาใช้งานมากยิ่งขึ้น
โดยการปรับราคาลงของ GrabBike (Delivery) เริ่มตั้งแต่เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้มีการสื่อสารไปในวงกว้างมากนัก เนื่องมาจากปัจจุบัน ยอดผู้ใช้งาน GrabBike (Delivery) มีจำนวนลดลง ไม่เหมือนกับตอนช่วงก่อนหน้านี้ที่ให้บริการ GrabBike ในการรับส่งผู้โดยสาร แต่ได้เลิกการให้บริการดังกล่าว เนื่องจากผิดกฎหมายในไทย
นอกจากนี้ ยังมีผลสำรวจพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้า GrabBike (Delivery) ที่ใช้บริการ ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้บริการในระยะทางสั้นๆ ทำให้มีการปรับจากเดิมที่คิดค่าบริการตั้งแต่กิโลเมตรแรก 20 บาท กลายเป็นคิดค่าบริการพร้อมระยะทาง 1 กิโลเมตรแรกในราคา 25 บาทแทน ทำให้ผู้ใช้งานในระยะทางใกล้ๆ ได้ราคาที่ถูกลง
อย่างไรก็ตาม การปรับราคาใหม่ของ GrabBike (Delivery) ได้เปลี่ยนจากรูปแบบเดิมที่คิดค่าเรียกใช้บริการ 20 บาท และคิดตามระยะทาง 9 บาท/กม. เป็นค่าเรียกใช้บริการ 25 บาท (รวมกิโลเมตรแรก) ส่วนค่าบริการระหว่างกิโลเมตรที่ 1.1-5 8 บาท/กม. ระหว่าง 5.1-8 11 บาท/กม. และตั้งแต่กิโลเมตรที่ 8.1 คิด 14 บาท/กม.
ขณะเดียวกัน ได้แสดงตัวอย่างค่าบริการแบบใหม่เทียบกับแบบเก่า ซึ่งพบว่า ถ้าใช้ในการขนส่งระยะสั้นไม่เกิน 8 กิโลเมตร ค่าบริการรูปแบบเก่าจะมีราคาที่สูงกว่า แต่ถ้าเกิน 9 กิโลเมตรขึ้นไป ราคาค่าบริการแบบใหม่จะถูกปรับขึ้นสูงกว่าเดิม ดังนั้น เพื่อใช้งานให้เหมาะสม แนะนำให้เลือกใช้ GrabBike (Delivery) ในการขนส่งสินค้าระยะใกล้ก็จะถูกกว่าเดิม
นอกจากนี้ ในช่วงปรับราคาค่าบริการใหม่ ทางแกร็บ ยังได้มีการออกโปรโมชัน ส่วนลด 100 บาท 10 ครั้ง/ท่าน เมื่อใส่รหัส “NEW100” สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้บริการ GrabBike (Delivery) มาก่อน ตั้งแต่วันนี้-2 ตุลาคม 2559 เมื่อรวมกับก่อนหน้านี้ที่ทางแกร็บ เปิดให้บริการสั่งซื้อสินค้าจากร้านอาหาร-ร้านสะดวกซื้อ ทำให้ผู้ใช้งานเสียค่าบริการถูกลง
Company Relate Link :
Grab