เอไอเอส จับมือพันธมิตร เปิดบริการ AIS Business Cloud ชูจุดเด่นเน็ตเวิร์กคุณภาพ พร้อมดาต้าเซ็นเตอร์ระดับเธียร์ 4 ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ 30% ในอีก 2 ปี คาดระยะ 3-5 ปี จะสร้างรายได้เป็น 10-15% ของรายได้รวม
นาย ฮุย เวง ชอง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน ) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ปัจจุบัน เทคโนโลยี คลาวด์ คอมพิวติ้ง เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญขององค์กร บริษัททั้งขนาดใหญ่ และ SME และหน่วยงานรัฐ เพราะเป็นจุดศูนย์กลางหลักขององค์กรในการรองรับเทคโนโลยีล่าสุด ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้องค์กรมีเครื่องมือทันสมัย เพื่อใช้ในการทำงานทุกฟังก์ชันอยู่เสมอ ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด เพิ่มศักยภาพในการทำงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ช่วยลดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องลงทุนระบบหลังบ้านด้วยตัวเอง
ดังนั้น เอไอเอส จึงได้จับมือกับพันธมิตร Microsoft, VMware NSX, NetApp, Check Point ร่วมเปิดให้บริการ “คลาวด์เพื่อธุรกิจ (AIS Business Cloud)” อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกประเภทอุตสาหกรรม ตามมาตรฐานสากล ตั้งแต่ Cloud Infrastructure, Platform, Software, Network, Security ไปจนถึง Managed Services ใช้ได้ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่จนถึงผู้ประกอบการ SME และ Startup
สำหรับตลาดคลาวด์เพื่อลูกค้าองค์กรในปีนี้ มองว่ามีมูลค่าตลาดราว 3,500 ล้านบาท จากนั้นในปี 2563 คาดว่าจะมีมูลค่าทางการตลาดเพิ่มเป็น 6,500 ล้านบาท ซึ่งเป้าหมายของเอไอเอสต้องการมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 30% ในอีก 2 ปีนับจากนี้ ซึ่งจะทำให้เอไอเอสขึ้นเป็นผู้ให้บริการ 1 ใน 3 ของตลาด สำหรับในตลาดระยะยาว 3-5 ปี มองว่ารายได้จากบริการคลาวด์จะสร้างรายได้ 10-15% ของรายได้รวม
ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถมั่นใจกับระบบความปลอดภัยบน DATA Center ของเอไอเอส จำนวน 2 แห่ง ซึ่งเป็นประเภท Carrier Grade Data Center เทียบได้กับ Tier 4 ในระดับโลก ที่ผ่านการรับรองด้านความปลอดภัย ISO 27001 พร้อมทั้งให้บริการด้วยมาตรฐานระดับ SLA 99.99% ซึ่งเป็นมาตรฐานการให้บริการคลาวด์ที่ดีที่สุด รวมทั้งเป็นจุดที่สามารถเชื่อมต่อออกอินเทอร์เน็ต หรือเชื่อมต่อกับเครือข่ายขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งกว่า เพราะเป็นจุดรวมเครือข่ายคุณภาพของเอไอเอส เองอีกด้วย
“ลูกค้าเชื่อมั่นได้กับศักยภาพเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และมีความเสถียรสูง ทั้ง 3G 4G 4.5G และบริการสื่อสารข้อมูล (Enterprise Data Service) เช่น บริการวงจรเช่าทั้งภายใน และระหว่างประเทศ (Data Circuit) หรือบริการอินเทอร์เน็ตสำหรับองค์กร (Corporate Internet) เป็นต้น จึงทำให้เราสามารถให้บริการคลาวด์ได้แบบ End-to-End Single Service Provider อย่างครบวงจรหนึ่งเดียวในไทย”
ด้าน นายปรัธนา ลีลพนัง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการให้บริการคลาวด์ต้องประกอบด้วยความพร้อมหลายด้าน ได้แก่ โครงข่ายซึ่งเอไอเอสมีความพร้อมทั้งโครงข่ายไร้สาย โดยเอไอเอสมีเครือข่าย ทั้ง 3G 4G และ 4.5G มากกว่า 5.8 หมื่นสถานีฐาน ขณะเดียวกัน ยังมีโครงข่ายไฟเบอร์ รวมถึงโครงข่ายผสมผสานทั้งไร้สาย และมีสายสำหรับภาคธุรกิจโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีแบนด์วิธในการเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศที่ 280 Gbps ที่สำคัญ เอไอเอสได้สร้างศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์เอง ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 2 แห่ง คือ จังหวัดปทุมธานี และฉะเชิงเทรา โดยในอนาคตจะขยายเพิ่มอีก 4 แห่ง ได้แก่ หาดใหญ่ ขอนแก่น เชียงใหม่ และสุวรรณภูมิ
สำหรับบริการ AIS Business Cloud ประกอบด้วย
1.Enterprise Cloud power by VMware ในลักษณะ Infrastructure as a Service (IaaS) โดยเอไอเอสเป็นผู้ให้บริการรายแรกในประเทศไทยที่ลงทุนใช้ VMware NSX ซึ่งเป็น Cloud Network & Security Platform จากผู้นำระดับโลกอย่าง VMware มาให้บริการกับลูกค้าองค์กร ซึ่งให้บริการเช่าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เสมือน (Virtual Machine) ที่รวมตั้งแต่ CPU, Ram, Storage และ Firewall พร้อมทั้งสามารถเลือกบริการเสริมต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย
2.Integrated Backup as a Service โดยความร่วมมือกับ NetApp เป็นบริการสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัย เพราะมีการวิเคราะห์บีบอัดข้อมูลเพื่อประหยัดพื้นที่ใช้งาน และมีการเข้ารหัสในระหว่างการรับส่ง และจัดเก็บอีกด้วย
3.Software as a Service (SaaS) อาทิ บริการ Office 365 โดยความร่วมมือกับ ไมโครซอฟท์ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงเครื่องมือ Microsoft Office ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านหลากหลายอุปกรณ์, บริการ Mobile Threat Prevention ร่วมกับ Check Point ที่ช่วยป้องกันภัยคุกคามจากการใช้งานแอปพลิเคชันผ่านโทรศัพท์มือถือต่างๆ, บริการ WeCloud เป็นบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบน Cloud สำหรับองค์กรโดยเฉพาะ
และ 4.Cloud Managed Services สำหรับองค์กรที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเพื่อให้คำปรึกษา ทั้งด้านการดูแลรักษาระบบเครือข่าย การดูแลรักษาด้านความปลอดภัยของระบบ และอื่นๆ รวมถึงการให้บริการติดตั้งระบบ หรือย้ายระบบให้องค์กรที่ยังไม่มีไอทีผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ Cloud พร้อมทั้งมีบริการ IT Monitoring คอยดูแลทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง