xs
xsm
sm
md
lg

เอปสัน 2016 เจาะธุรกิจใหม่ อัดแคมเปญเสริมรายได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ตลาดเครื่องพิมพ์ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรที่ยังคงมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ไม่ได้มีเฉพาะการพิมพ์ในรูปแบบของเอกสารบนกระดาษเท่านั้น แต่มีการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ให้หลากหลายมากขึ้น ผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้ต้องปรับตัว และเล็งหาตลาดใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะเมื่อถึงยุคของ Paper Less ขึ้นมาจริงๆ จะได้ไม่ต้องล้มหายตายจากกันไป

เอปสัน หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจการพิมพ์ที่ไม่ได้หยุดพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ให้เป็นเพียงแค่ลดต้นทุนต่อแผ่น หรือมีราคาค่าพิมพ์ที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้รุกเข้าสู่ธุรกิจการพิมพ์ในหลากหลายรูปแบบ และค่อนข้างประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งล่าสุดยังได้เตรียมทะยานเข้าสู่ธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ต่อยอดไปจากสิ่งที่มีอยู่

จุดน่าสนใจของการตามเทรนด์ของเอปสันน่าจะอยู่ตรงที่การเริ่มต้นนำพรินเตอร์แบบมีแท็งก์หมึกพิมพ์พ่วงข้าง แบบที่ตลาดข้างนอกทำมาก่อน มาพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริงและเป็นแท็งก์แบบของแท้ มีคุณภาพ และคุณสมบัติที่ดีจนได้รับการยอมรับจากตลาด โดยผ่านมา 6 ปีของการนำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็พบว่า สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และทำให้ตลาดอิงก์เจ็ตที่เครื่องพิมพ์ราคาถูกแต่หมึกแพงเริ่มลดความนิยมลง จนปัจจุบันพรินเตอร์ระบบแท็งก์ก็มีสัดส่วนตลาดมากขึ้น 72% ในตลาดอิงก์เจ็ต

***เทคโนโลยีใหม่เกิดธุรกิจใหม่สร้างรายได้

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลุยทธ์การตลาดของเอปสันนับจากนี้จะเน้นการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยมากขึ้น และจะก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ที่กว้างขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปรัชญาองค์กรของเอปสัน คือ การไม่หยุดนิ่งในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเสนอให้แก่ลูกค้าอยู่ตลอดเวลา สำหรับตลาดเมืองไทยไทย เอปสันได้เตรียมผลักดันให้ธุรกิจของลูกค้าเดินหน้าสู่โลกดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต่อการพิมพ์ ที่ยังใช้ระบบแอนะล็อก หรือการพรีเซนเตชันในรูปแบบเก่า ให้ปรับเปลี่ยนเข้าสู่ดิจิตอล

เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอซึ่งมีการใช้ระบบการพิมพ์แอนะล็อกเพื่อผลิตงาน ลักษณะ mass production เอปสันจะเข้าไปสร้างทางเลือก และโอกาสทางธุรกิจผ่านพรินเตอร์ระบบดิจิตอล ประเภท Dye Sublimation หรือการนำนวัตกรรมทีเอ็มพรินเตอร์ Mobile POS เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในร้านค้าปลีก เพื่อให้การทำธุรกรรมต่างๆ อยู่บนโลกดิจิตอล และโลกไร้สาย

นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจใหม่ยังรองรับต่อตลาดเน็ตเวิร์กกิ้ง โดยจะเน้นใน 4 ตลาดใหม่ๆ คือ โมบายโพส, ดิจิตอล ไซเนส, เท็กไทล์ และดิจิตอลพรินติ้ง อย่างในส่วนของดิจิตอล ไซเนส นั้นส่วนใหญ่จะเป็นตลาดของโปรเจกเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการร่วมมมือกับเอสไอรายหนึ่งในการทำตลาดการฉายโฆษณาผ่านสื่อ

รวมไปถึงจะมีการรุกในส่วนของตลาดดิจิตอล แมปปิ้ง ซึ่งเป็นการใส่แอปพลิเคชันลงมาเพื่อสร้างความน่าสนใจให้แก่การโฆษณาผ่านหน้าจอโปรเจกเตอร์ โดยที่ผ่านมานั้นได้มีการพูดคุยกันคนทำคอนเทนต์ มีการเทรนนิ่งพาร์ตเนอร์ใหม่ๆ เพื่อสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ร่วมมือกับบริษัทในต่างประเทศในเรื่องการนำซอฟต์แวร์มาทำแมปปิ้ง ที่ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์สำเร็จรูป และพร้อมรุกตลาดในเร็วๆ นี้
ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด
***อัด 4 กลยุทธ์พร้อมรุกตลาดต่อเนื่อง

นอกเหนือไปจากการรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ แล้ว เอปสันยังได้เตรียมกลยุทธ์สำหรับการรุกตลาดในปี 2016 นี้ 4 ด้าน ประกอบด้วย กลยุทธ์แรก การสร้างมูลค่าที่แท้จริงที่ลูกค้าควรได้รับ เอปสันจะโฟกัสที่ความพึงพอใจของลูกค้าใน 4 ด้าน ได้แก่ ตัวสินค้าที่ยังเน้นช่วยลูกค้าลดต้นทุนในการทำธุรกิจ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงาน และมีขนาดที่เล็ก และบางเบา เน้นพกพาสะดวก

โดยเอปสันมีแผนจะเปิดตัว L-Series รุ่นใหม่ เพื่อครอบคลุมความต้องการของตลาดมากขึ้น โปรเจกเตอร์ความสว่างมากขึ้น รวมถึงสินค้ารูปแบบพกพาสำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น พรินเตอร์ใบเสร็จแบบพกพา และแว่นตาอัจฉริยะ Moverio BT-2000 ที่สามารถนำเสนอข้อมูลแบบ 3 มิติ ซึ่งเหมาะต่อแวดวงอุตสาหกรรม เป็นต้น

กลยุทธ์ ที่ 2 คือ ด้านของพันธมิตรตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเอปสันจะขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่ 166 ราย จะเพิ่มเป็น 180 รายในปีนี้ นอกจากนี้ จะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดเฉพาะด้านมากขึ้น เช่น หน่วยงานราชการ อุตสาหกรรมสิ่งทอ รวมไปถึงตลาดเฉพาะทางวิชาชีพ เช่น โรงพยาบาล คลินิก รวมถึงตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคอินโดจีนที่เอปสัน ประเทศไทยดูแลอยู่ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ทำตลาดต่างจังหวัดเยอะมาก เพราะต้องการให้ความรู้แก่ตลาด เปลี่ยนความคิดจากการซื้อเครื่องราคาถูกมาเป็นเครื่องที่แพงขึ้น แต่มีต้นทุนที่ถูกกว่าโดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ L-Series

กลยุทธ์ ที่ 3 แคมเปญการตลาดที่จะเน้นถึงมูลค่าการใช้งานสูงสุดที่ลูกค้าได้รับ โดยเน้นการให้ข้อมูลด้านสินค้า และเทคโนโลยี เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ และเกิดประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์เอปสันในด้านของราคาที่คุ้มค่า มีฟังก์ชันที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ครบ และ กลยุทธ์สุดท้าย คือ การสร้างความแข็งแกร่ง และความยั่งยืนให้แก่แบรนด์ ซึ่งที่ผ่านมาเอปสันได้ทำการสร้าง Brand Loyalty อย่างต่อเนื่องเพราะถือเป็นส่วนของการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยได้มีการจัดฝึกอบรมในด้านต่างๆ ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ ไม่เพียงแต่ในส่วนของเทคโนโลยี ตัวสินค้าแต่ยังมีทักษะในด้านอื่นๆ เช่น การสื่อสาร การให้บริการ และเทรนด์ของเทคโนโลยีอีกด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดเกิดใหม่ หรือกลุ่มประเทศ CLMA นั้น เอปสันมั่นใจการเติบโตอยู่ที่ 15% โดยจะเน้นการนำอิงก์เจ็ตไปแทนเลเซอร์พรินเตอร์ที่ยังได้รับนิยมอยู่ และสินค้ากลุ่มโปรเจกเตอร์ที่ยังมีโอกาสมาก รวมไปถึงศักยภาพการลงทุนที่ประเทศเหล่านี้เริ่มเปิดประเทศมากขึ้นอย่างพม่า โดยในเวียดนามเครื่องพิมพ์ทำตลาดได้ดีมาก ด้านการเติบโตในพม่าเติบโตสูงสุด แต่เวียดนามเป็นตลาดใหญ่ที่สุด

**เผยผลประกอบการที่ผ่านมาเติบโตทุกตลาด

เอปสันคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะดีขึ้น ในปีที่ผ่านมาเอปสันใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาทในการทำแคมเปญสื่อสารการตลาด ภายใต้ชื่อ TRUST เพื่อฉลองครบรอบ 25 ปี ของเอปสัน ประเทศไทย โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สามารถสร้างการรับรู้ในแบรนด์ได้กว้างขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในหลายอุตสาหกรรม ทำให้เป้าหมายการขายเป็นไปตามที่วางแผนไว้

ในส่วนผลประกอบการปีที่ผ่านมาเฉพาะตลาดประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 6% ส่วนตลาดนอกเมืองไทยที่เอปสัน ประเทศไทย ดูแล ได้แก่ เวียดนาม พม่า กัมพูชา ลาว และปากีสถาน มีการเติบโตภาพรวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 16% ซึ่งเมื่อรวมทุกตลาดแล้วเอปสัน ประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 8% การเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากการที่บริษัทสามารถรุกขยายเข้าสู่ตลาดกลุ่ม Mid to High เช่น องค์กรธุรกิจขนาดกลาง ถึงขนาดใหญ่ หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา และเอเบนซีต่างๆ ได้มากขึ้น

ทั้งนี้ หากแบ่งเป็นประเภทสินค้าแล้ว พรินเตอร์อิงก์เจ็ตมีการเติบโตสูงสุดอยู่ที่ 20% โดยกลุ่ม L-Series หรือเครื่องแท็งก์แท้ของเอปสันทำยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เนื่องจากลูกค้าเริ่มเห็นถึงประสิทธิภาพที่ดี และมีการใช้งานแท็งก์เถื่อนเริ่มลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้วที่เอปสันได้นำเข้ามาทำตลาด ปัจจุบันเอปสันได้มีการเพิ่มไลน์สินค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้มี L-Series มากถึง 12 รุ่นอยู่ในตลาดปัจจุบัน ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่โฮมยูส นักศึกษา ธุรกิจโซโห เอสเอ็มอี ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่

**ผู้นำตลาดพรินเตอร์อิงก์เจ็ต

ในปีที่ผ่านมา เอปสันยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดพรินเตอร์อิงก์เจ็ต ทั้งประเภทซิงเกิลฟังก์ชัน และมัลติฟังก์ชันด้วย สัดส่วนตลาดเชิงมูลค่าถึง 41% เพิ่มจาก 35% ในปี 2557 โดยเฉพาะตลาดธุรกิจโซโห และเอสเอ็มอีที่กลายเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของพรินเตอร์อิงก์เจ็ต เอปสันก็ยังเป็นหมายเลข 1 ของตลาดนี้ ในขณะที่ตลาดคอนซูเมอร์เริ่มลดลง เนื่องจากยอดการพิมพ์ตามบ้านน้อยลงเพราะคนใช้สมาร์ทดีไวซ์กันเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในกลุ่มสินค้าพรินเตอร์หมึกพิมพ์ความจุสูง เอปสันยังครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 55%

สำหรับกลุ่มสินค้าที่เติบโตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 คือ กลุ่มทีเอ็มพรินเตอร์ เช่น พรินเตอร์พิมพ์ใบเสร็จ ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 16% เนื่องจากมีห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตีมอลล์ ร้านสะดวกซื้อ รวมไปถึงร้านค้าปลีก และร้านอาหารเกิดใหม่เป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ ในส่วนของตลาดโปรเจกเตอร์ก็มียอดขายเพิ่มถึง 3% ซึ่งถึงแม้ตลาดโดยรวมจะไม่มีการขยายตัว โดยภาพรวมตลาดอยู่ประมาณ 90,000 เครื่อง ลดลงเนื่องจากภาครัฐชะลอการซื้อโปรเจกเตอร์ แต่คาดว่าปีนี้ตลาดจะกลับมา โดยการเติบโตของเอปสันเนื่องมาจากการนำเทคโนโลยี 3LCD เข้ามาใช้ ปัจจุบันเอปสันมีส่วนแบ่งตลาด 35% และเป็นที่ 1 ในตลาดนี้

“การเติบโตของยอดขายมาจากการออกสินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทุกด้าน และธุรกิจแต่ละประเภท นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเติมในส่วนของความคุ้มค่า ฟังก์ชันการทำงาน ปัจจุบันเอปสันมีโปรเจกเตอร์มากกว่า 60 รุ่นอยู่ในตลาด และยังคงชูจุดเด่นด้วยเทคโนโลยี 3LCD ความคุ้มค่าในการลงทุนที่ได้เปรียบคู่แข่ง พร้อมบริการหลังการขายที่ดี”

สำหรับในส่วนของพรินเตอร์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม แม้ในปีที่ผ่านมาจะไม่มีการเติบโตมากนัก เนื่องจากปัจจัยหลายๆ ด้าน แต่ในปีนี้คาดว่าน่าจะดีขึ้น และเอปสันได้ทำการเปิดตัวโปรโมชันใหญ่พร้อมกันทั่วภูมิภาค ด้วยการลดราคาน้ำหมึกแท้ของพรินเตอร์ Dye Sublimation สำหรับธุรกิจสิ่งทอ 55% และธุรกิจป้ายโฆษณาถึง 70% พร้อมออกสินค้าใหม่ รวมไปถึงการเร่งเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเพื่อรุกอุตสาหกรรมสิ่งทอและป้ายโฆษณา รวมถึงตลาดต่างจังหวัด

เอปสัน ตั้งเป้าที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น จากกลุ่มเครื่องเธิร์ดปาร์ตี้ หรือเครื่องประกอบที่มีใช้อย่างแพร่หลายใน ปัจจุบัน โปรโมชันนี้จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการที่ใช้เครื่องประกอบสนใจหันมาทดลองใช้พรินเตอร์ และหมึกพิมพ์ แท้ของเอปสันกันมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่จะสามารถลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพการผลิต และขยายไลน์ธุรกิจที่เน้นงาน คุณภาพ หรืองานแบบ made to order ได้มากขึ้น อีกทั้งยังได้รับการดูแลโดยตรงจากเอปสัน ปัจจุบันเอปสันเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเพียงรายเดียวในตลาดที่ให้การรับประกันทั้งในส่วนหัวพิมพ์ และตัวเครื่องนาน 2 ปี

ยรรยง กล่าวถึงทิศทางธุรกิจในปี 2559 ว่า เอปสัน ประเทศไทยได้ตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 10% โดยคาดการณ์ว่า กลุ่มสินค้าหลักทั้ง 3 กลุ่ม ประกอบไปด้วย กลุ่มพรินเตอร์อิงก์เจ็ตจะเติบโตเพิ่มขึ้น 15% พรินเตอร์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม 15% และโปรเจกเตอร์ 8% ซึ่งบริษัทได้กำหนดกลยุทธ์ที่เน้นสร้างการเติบโตในระยะยาวไว้ 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างมูลค่าที่แท้จริงที่ลูกค้าควรได้รับ (Real Customer Value) การสร้างมูลค่าทางธุรกิจใหม่ (New Business Value) และการสร้างมูลค่าให้แบรนด์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน (Brand Value) รวมไปถึงเอปสันจะยังคงทุ่มงบประมาณในการทำแคมเปญ Epson, TRUST in YOU เพื่อรักษาความต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น