ตลาดดอทคอม (TARAD.com) ย้ำความมั่นใจธุรกิจยังดำเนินไปได้ไม่กระทบลูกค้ากว่า 270,000 ร้านค้า และน่าจะส่งผลดีให้ทำธุรกิจได้ง่าย และยืดหยุ่นมากขึ้น ชี้หลังจากการซื้อขายเสร็จสิ้นจะได้เห็นรูปแบบธุรกิจที่สนุกขึ้น และมีความโดดเด่น แต่จะไม่เล่นสงครามราคาแบบรายอื่น เผยเตรียมนำธุรกิจในเครือเข้ามาเสริมเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
นายภาวุธ พงษ์วิทยภาณุ ผู้ก่อตั้ง TARAD.com กล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่าราคุเท็นจะปิดเว็บคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะมีการขาย TARAD.com นั้น ร้านค้าที่อยู่ใน TARAD.com ทั้งหมดกว่า 270,000 ร้านค้า จะไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน และน่าจะเป็นผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของ TARAD.com และร้านค้าในอนาคต โดยคาดว่าหลังกระบวนการขายที่น่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง จึงจะเสร็จสิ้น ทาง TARAD.com จะมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนนำเสนอออกมา
ทั้งนี้ การอยู่ภายในราคุเท็น ตั้งแต่ปี 2009 ทำให้ TARAD.com ไม่สามารถที่จะดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มรูปแบบมากนัก เนื่องจากต้องอยู่ภายใต้บิสิเนสโมเดลของญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว แต่การออกไปของราคูเท็นในครั้งนี้ จะทำให้ TARAD.com ดำเนินธุรกิจได้ยืดหยุ่นมากขึ้น เป็นตัวของตัวเอง และสามารถที่จะจัดหาโปรโมชันที่เหมาะสมต่อความเป็นไทยมากขึ้น
“หลังจากนี้ลูกค้าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น สนุกขึ้น และโดดเด่นมากขึ้น แต่จะไม่มีการเล่นสงครามราคาเหมือนที่อีคอมเมิร์ซรายอื่นๆ กำลังเล่นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งกำลังทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซกำลังกลายเป็นฟองสบู่ไปแล้ว แต่การดำเนินธุรกิจของ TARAD.com จะเน้นการนำบริการของบริษัทในเครือเข้ามาเสริมกับบริการเดิมที่ TARAD.com มีอยู่ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้งานเพิ่มมากขึ้น”
ความเห็นเหล่านี้ของภาวุธ เกิดขึ้นหลังจากราคุเท็น (Rakuten) เจ้าพ่อบริการออนไลน์สัญชาติญี่ปุ่นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TARAD.com ยืนยันแผนขายหุ้น เพื่อให้บริษัทเบนเข็มจากรูปแบบธุรกิจอีคอมเมิร์ซผ่านเว็บไซต์ ไปเป็นบริการโมบายแอปพลิเคชันที่เปิดให้ผู้บริโภคซื้อขายกันเองผ่านอุปกรณ์มือถือ (C2C) การตัดสินใจนี้ทำให้ร้านออนไลน์ในหลายประเทศอาเซียนของราคุเท็นต้องปิดตัวลง เช่นเดียวกับการขายหุ้นในตลาดดอทคอมทิ้งไปเพื่อให้สามารถเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจได้ตามที่ตั้งเป้าไว้