xs
xsm
sm
md
lg

ไอบีเอ็มเปิดธุรกิจให้คำปรึกษา “โซลูชันค็อกนิทิฟ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
ไอบีเอ็ม ประกาศวิสัยทัศน์ “ค็อกนิทิฟ บิสิเนส” เปิดตัวกลุ่มธุรกิจให้คำปรึกษาด้านโซลูชันค็อกนิทิฟ นำผู้เชี่ยวชาญด้านแมชชีนเลิร์นนิ่ง อนาไลติกส์ขั้นสูง วิทยาศาสตร์และการพัฒนาข้อมูล การบริหารความเปลี่ยนแปลง ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างๆ กว่า 2,000 คน เข้าช่วยธุรกิจให้พร้อมก้าวเข้าสู่ยุคค็อกนิทิฟ

นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จากความพยายามรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อวิเคราะห์ออกมาเป็นคุณค่าทางธุรกิจ พบว่า 80% ของข้อมูลปัจจุบันเป็นข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง เช่น ภาพ เสียง วิดีโอ หรือแม้กระทั่งการแสดงออกทางอารมณ์ต่างๆ ในโลกโซเชียล ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความซับซ้อนเกินกว่าที่ความสามารถของระบบประมวลผลแบบเดิมจะรับมือได้ โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลเติบโตขึ้นอย่างทวีคูณ

“การก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล หรือการใช้ประโยชน์จากดิจิตอลกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานของโลกธุรกิจไปโดยปริยาย นำสู่วิวัฒนาการของยุคค็อกนิทิฟ คือ การที่องค์กรต้องมุ่งสร้างความแตกต่างด้วยการผนึกเทคโนโลยีค็อกนิทิฟเข้ามา เพื่อขยายขีดความสามารถในการเข้าใจข้อมูลรูปแบบต่างๆ มีตรรกะในการวิเคราะห์ การสร้างสมมติฐาน ไปจนถึงการเสนอแนวทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และที่สำคัญคือ ความสามารถในการเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลากหลาย”

“ค็อกนิทิฟ” คือ เทคโนโลยีคอมพิวติ้งรูปแบบใหม่ที่รวมนวัตกรรมทางด้านอนาไลติกส์ ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่เป็นภาษามนุษย์ รวมถึงความสามารถของระบบในการเรียนรู้ เข้าใจ และให้เหตุผลได้ด้วยตนเอง โดยไอดีซีคาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ.2561 ครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคจะมีการปฏิสัมพันธ์กับบริการที่มีเทคโนโลยีค็อกนิทิฟอยู่เบื้องหลังอย่างเป็นปกติ

ผลสำรวจความคิดเห็นกลุ่มผู้บริหารระดับสูงทั่วโลกกว่า 5,000 คน โดยสถาบันการศึกษาคุณค่าทางธุรกิจของไอบีเอ็ม (IBMInstitute of Business Value) เห็นถึงปัญหาในการนำข้อมูลมหาศาลมาใช้ที่กลุ่มธุรกิจต่างๆ กำลังเผชิญอยู่ โดย 65% ของผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจประกันต่างมองถึงการปรับโมเดลทางธุรกิจ และเกือบ 30% มองว่าคุณภาพ ความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของข้อมูลที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจที่สำคัญๆ ขณะที่ 60% ของผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจค้าปลีกยอมรับว่า องค์กรตนยังไม่มีเครื่องมือที่พร้อมสำหรับการส่งมอบประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลสำหรับลูกค้าอย่างแท้จริง สอดคล้องต่อผู้บริหารในธุรกิจการดูแลสุขภาพกว่าครึ่งที่มองว่า การไม่สามารถนำข้อมูลมากมายที่มีอยู่ในปัจจุบันมาใช้ประโยชน์ได้ ทำให้กำลังเกิดอุปสรรคในการตัดสินใจอย่างมาก

ผลสำรวจยังชี้ว่า 95% ของผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจประกัน ค้าปลีก และการดูแลสุขภาพ ต่างตั้งเป้าลงทุนนำเทคโนโลยีค็อกนิทิฟมาใช้ในธุรกิจตนในอนาคตอันใกล้นี้ โดยผู้บริหารเห็นว่าทักษะและความสามารถเชิงเทคนิคของบุคลากรจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการนำค็อกนิทิฟมาใช้ ซึ่งมากกว่าความกังวลในเรื่องความปลอดภัยของระบบ และข้อมูล นโยบายความเป็นส่วนตัว หรือความพร้อมของเทคโนโลยี

พรรณสิรี กล่าวว่า องค์กรต้องไม่มองธุรกิจค็อกนิทิฟเป็นเรื่องไกลตัว เพราะทุกอย่างที่เป็นดิจิตอลสามารถผนวกความอัจฉริยะของค็อกนิทิฟได้ ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงแล้วในประเทศไทยที่โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ ซึ่งไอบีเอ็มเชื่อว่าจะได้เห็นปรากฏการณ์นี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะขณะนี้ยุคคอกนิทิฟมาถึงแล้ว

โดยที่ผ่านมา ไอบีเอ็มได้ร่วมกับกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ นำค็อกนิทิฟเข้าเสริมศักยภาพธุรกิจแล้ว เช่น กลุ่มธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ มีการนำโซลูชันค็อกนิทิฟเข้าวิเคราะห์ข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ตั้งแต่ข้อมูลภูมิอากาศท้องถิ่น ไปจนถึงข้อมูลเรียลไทม์จากโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกถึงสาเหตุของความต้องการในผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนไป ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการเพิ่มสต๊อก กำหนดราคา ตลอดจนคาดการณ์ปริมาณอุปสงค์ได้อย่างแม่นยำ

กลุ่มธุรกิจประกันมีการนำความสามารถในการสื่อสารเป็นภาษามนุษย์ของโซลูชันค็อกนิทิฟ ไปช่วยตอบคำถาม และให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ออนไลน์ที่น่าจดจำให้แก่ลูกค้า

ขณะที่กลุ่มธุรกิจการดูแลสุขภาพมีการเตรียมนำเทคโนโลยีด้านพันธุกรรมเข้าช่วยเพิ่มความสามารถในการรักษามะเร็ง โดยเร่งการวิเคราะห์ดีเอ็นเอเพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางการรักษาได้อย่างเจาะจงเฉพาะบุคคล โดยผู้บริหาร 84% มองว่าเทคโนโลยีค็อกนิทิฟจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของแวดวงการดูแลสุขภาพ

ส่วนกลุ่มธุรกิจการเงินมีการนำเทคโนโลยีค็อกนิทิฟเข้าช่วยบริหารความเสี่ยง และให้คำแนะนำด้านการลงทุนแบบเฉพาะบุคคล ด้านแวดวงการศึกษามีการนำเทคโนโลยีค็อกนิทิฟไปช่วยพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะต่อนักเรียนแต่ละคน

ทั้งนี้ ไอบีเอ็มผุดกลุ่มธุรกิจให้คำปรึกษาด้านโซลูชันค็อกนิทิฟ เพื่อช่วยธุรกิจพร้อมก้าวเข้าสู่ยุคใหม่เต็มตัว โดยล่าสุด ไอบีเอ็มได้ประกาศตั้งกลุ่มธุรกิจให้คำปรึกษาด้านโซลูชันค็อกนิทิฟ นำผู้เชี่ยวชาญของไอบีเอ็มในด้านแมชชีนเลิร์นนิ่ง อนาไลติกส์ขั้นสูง วิทยาศาสตร์และการพัฒนาข้อมูล รวมถึงที่ปรึกษาด้านการบริหารความเปลี่ยนแปลงและผู้เชี่ยวชาญธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรม รวมกว่า 2,000 คน พร้อมดึง “วัตสัน” เทคโนโลยีคอมพิวติ้งที่โดดเด่นด้วยความสามารถอัจฉริยะในการเข้าใจภาษามนุษย์ เรียนรู้ และให้เหตุผล เข้าเป็นเทคโนโลยีหลัก เตรียมพัฒนาที่ปรึกษา และทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีค็อกนิทิฟอีก 25,000 คน ภายในเร็วๆ นี้

วัตสัน เป็นผลลัพธ์จากการลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐของไอบีเอ็ม เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีค็อกนิทิฟสำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยในปีที่ผ่านมา ไอบีเอ็มยังได้ประกาศจับมือกับแอปเปิล ทวิตเตอร์ เดอะเวเธอร์แชนแนล และเฟซบุ๊ก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการถอดรหัส และนำข้อมูลมหาศาลมาเสริมความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจทั่วโลก

Company Related Link :
IBM



Instagram


กำลังโหลดความคิดเห็น