ไอเน็ตตั้งเป้า 3 ปี สู่ผู้ให้บริการคลาวด์ คอมพิวติ้ง แบบยูทิลิตี เตรียมเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท สร้างระบบพร้อมผุดดาต้า เซ็นเตอร์ สำรองอีก 1 แห่งในต่างจังหวัด เผย 3 ปีที่ผ่านมา มีลูกค้าแล้ว 40% ของลูกค้าทั้งหมด ชูจุดเด่นได้ใบรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยรายแรก พร้อมทั้งได้รับสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ ทำให้ลดต้นทุนในการให้บริการแก่ลูกค้าได้ปีละ 10%
นางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือไอเน็ต กล่าวว่า ภายใน 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ คอมพิวติ้ง แบบยูทิลิตี ที่สามารถควบคุมการใช้งาน และบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างดีในลักษณะเดียวกับระบบสาธารณูปโภคที่ผู้ใช้บริการไม่ต้องกังวลเรื่องการบริหารจัดการระบบไอทีของตนเองแต่สามารถเลือกบริการของบริษัทได้ง่าย และจ่ายเงินเฉพาะที่ต้องการใช้งานเท่านั้น โดยเตรียมเงินลงทุนภายใน 3 ปี ไว้ที่กว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อสร้างระบบรองรับ และสร้างดาต้า เซ็นเตอร์สำรองในต่างจังหวัดอีก 1 แห่ง ด้วยพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 3,000 ตารางเมตร จากเดิมที่มีอยู่ที่กรุงเทพฯ 2 แห่ง คือ อาคารบางกอกไทย ทาวเวอร์ มีพื้นที่ 700 ตารางเมตร และอาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ มีพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร
ทั้งนี้ บริษัทได้พัฒนาบริการคลาวด์มาประมาณ 3 ปีแล้ว ด้วยเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันสามารถให้บริการได้ในลักษณะ Infrastructure as a Service เพื่อให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที เช่น เซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ มีลูกค้าองค์กรใช้งานแล้ว 40% จากฐานลูกค้าของไอเน็ตที่มีอยู่กว่า 450 ราย เช่น กลุ่มบริษัทเอสซีจี และบริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือจิฟฟี่ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ 50% เป็นบริษัทเอกชน 30% เป็นหน่วยงานราชการ ที่เหลือเป็นลูกค้ารายย่อย โดยรูปแบบการให้บริการคลาวด์ของไอเน็ตมีหลากหลาย เช่น INET Cloud คือ บริการโครงสร้างพื้นฐานในรูปแบบเสมือน (Virtualization) บริการ DRaaS (Disaster Recovery as a Service) จะเป็น Site สำรองบน Public Cloud และบริการ VDI (Virtual Desktop Infrastructure) บริการเครื่องคอมพิวเตอร์เสมือนที่สามารถทำงานออนไลน์ได้จากทุกที่ผ่านอุปกรณ์ BYOD เป็นต้น โดยปัจจุบันทิศทางความต้องการการใช้บริการคลาวด์ขององค์กรธุรกิจในวันนี้เป็นรูปแบบ as a service มากยิ่งขึ้น ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการให้เหมาะสมต่อความต้องการการใช้งาน และในเวลาเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“จากแนวโน้มการลงทุนทางด้านระบบไอที ลูกค้าต้องการใช้บริการคลาวด์เพิ่มมากขึ้น ด้วยความยืดหยุ่น ความสะดวกทั้งในแง่การใช้งาน และการลงทุนที่คุ้มค่า รวมถึงความมั่นใจด้านระบบซิเคียวริตี ผู้ใช้บริการต้องการผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือเพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ยั่งยืน”
นอกจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และนวัตกรรมแล้ว ไอเน็ตยังได้สร้างระบบนิเวศการให้บริการด้วยการสนับสนุนพันธมิตรที่เป็น SI หรือ Reseller ที่มีศักยภาพ และแนวทางในการทำธุรกิจที่สอดคล้องไปกับไอเน็ต เพื่อขับเคลื่อนการให้บริการ และการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ไอเน็ตสร้างวงจรการให้บริการที่สมดุล มีกลยุทธ์ด้านการพัฒนาพันธมิตรให้สามารถเป็นผู้ให้บริการและพัฒนาแอปพลิเคชัน เพื่อสร้างมูลค่าของการใช้ระบบคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลูกค้าของไอเน็ตซึ่งวันนี้เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มองการใช้ประโยชน์ของคลาวด์ คอมพิวติ้งเป็นรูปแบบของยูทิลิตี ที่สามารถควบคุมการใช้งาน และบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างดี และต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มของการให้บริการ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พันธมิตรของไอเน็ตสามารถสร้างต่อยอดได้ ทำให้เพิ่มคุณค่าและรายได้ให้แก่ตัวเอง
นางมรกต กล่าวว่า จุดเด่นของการให้บริการคลาวด์ที่สำคัญคือ การสร้างความมั่นใจในการให้บริการ ดังนั้น บริษัทจึงมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการจนได้รับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัย CSA-STAR รายแรกในไทย ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยทางสารสนเทศสำหรับระบบคลาวด์โดยเฉพาะ นับเป็นเครื่องหมายยืนยันความพร้อมถึงศักยภาพการให้บริการของบริษัทในการก้าวขึ้นสู่ผู้ให้บริการ Cloud Service Provider อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการส่งเสริมการลงทุนกิจการคลาวด์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ทำให้ได้สิทธิในการยกเว้นอากรขาเข้าในการนำเข้าอุปกรณ์คลาวด์จากต่างประเทศ รวมทั้งได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี ทำให้บริษัทสามารถลงทุนด้านการให้บริการให้แก่ลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น สามารถนำเสนอบริการคุณภาพสูงด้วยราคาเป็นธรรม สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการของบริษัทอย่างต่อเนื่องคาดว่าค่าใช้จ่ายในบริการคลาวด์ที่ใช้ควรจะลดลงทุกปีอย่างน้อย 10% เพื่อให้ลูกค้าลดค่าใช้จ่าย หรือนำไปขยายบริการคลาวด์เพิ่มเติม เพราะความต้องการทางธุรกิจด้านบริการโครงสร้างพื้นฐานนั้นต้องมีการเพิ่มขยายตลอดเวลาเพื่อเสริมให้ธุรกิจของลูกค้าให้มีความแข็งแกร่งทันต่อการแข่งขันโดยอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นเครื่องมือ
ปัจจุบัน ไอเน็ตมีรายได้ครึ่งปี 58 อยู่ที่ 260 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากรายได้ปี 57 ที่มีอยู่ 520 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโตจากปีที่แล้ว 30% โดยรายได้ของบริษัท 40% มาจากบริการคลาวด์ 20% มาจากบริการด้านเน็ตเวิร์ก 20% มาจากบริการไอดีซี และที่เหลือเป็นบริการอื่นๆ
Company Related Link :
inet