ฟอร์ติเน็ต พร้อมรุกตลาดภัยคุกคามเหยื่อด้วยวิธีใหม่ๆ หรือที่เรียกว่า APT ด้วยการให้ความรู้แก่ตลาด ทั้งพาร์ตเนอร์ และลูกค้าผ่านโซลูชัน Fortinet Advanced Threat Protection Framework พร้อมตั้งเป้าการเติบโตปีนี้มากกว่า 20% เผยครึ่งปีแรกรายได้มากกว่า 60% เมื่อเทียบกับรายได้รวมปีก่อนหน้าทั้งปี ชี้ภาครัฐเข้ามาเป็นลูกค้าเพิ่มขึ้น เพราะต้องการปกป้องข้อมูลมากกว่าเดิม
นายวิทยา จูงหัตถการสาธิต ผู้จัดการช่องทางการจัดจำหน่าย ฟอร์ติเน็ต กล่าวว่า การทำตลาดของฟอร์ติเน็ตในครึ่งปีหลังนี้จะเน้นการให้ความรู้แก่ตลาดในเรื่องของภัยคุกคามเหยื่อด้วยวิธีใหม่ๆ หรือที่เรียกว่า APT (Advance Persistent Threats) ทั้งในส่วนของพาร์ตเนอร์ และลูกค้า ซึ่งฟอร์ติเน็ตมีโซลูชันเพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามดังกล่าว โดยใช้ชื่อว่า Fortinet Advanced Threat Protection Framework ที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่จะทำตลาดในปีนี้ โดยตั้งเป้าการเติบโตปีนี้สูงกว่าการเติบโตตลาดของตลาดซิเคียวริตีที่คาดว่าอัตราการเติบโตอยู่ที่ 20%
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2558 นี้ ฟอร์ติเน็ต สามารถสร้างรายได้แล้วประมาณ 60% เมื่อเทียบกับยอดขายรวมทั้งหมดในปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้มีองค์กรภาครัฐเข้ามาเป็นลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากหน่วยงานเหล่านี้ต้องมองเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ จึงต้องการใช้เครื่องมือปกป้องที่มีประสิทธิภาพ ส่วนของลูกค้ากลุ่มอื่นๆ อย่างสถาบันการเงินก็เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเช่นกัน
“กลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้นอกเหนือไปจากการให้ความรู้แก่ตลาดแล้ว ฟอร์ติเน็ต ยังได้มีการจัดการสัมมนา และอบรมพาร์ตเนอร์เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้สามารถไปถ่ายทอดแก่ลูกค้าได้อย่างถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ฟอร์ติเน็ต มีช่องทางการจัดการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม และเพียงพออยู่แล้ว โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ทุกปี ปัจจุบัน ฟอร์ติเน็ตมีสัดส่วนลูกค้าเอสเอ็มอี 37% กลุ่มขนาดกลาง 26% และขนาดใหญ่ 37%'
นายวิทยา กล่าวว่า APT เป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่เกิดจากอาชญากรไซเบอร์ที่มีประสบการณ์สูง มุ่งเน้นการคุกคามเหยื่อด้วยวิธีใหม่ๆ และสามารถสร้างความเสียหายให้แก่เหยื่อได้มาก ไม่ว่าจะเป็นการแฮกขโมยข้อมูลของธนาคาร การเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ให้ตลกขบขัน ซึ่งองค์กรต่างๆ มีความจำเป็นต้องป้องกันเครือข่ายของตนเองให้สามารถรองรับได้มากขึ้น
สำหรับ Fortinet Advanced Threat Protection Framework นั้น จะมีขั้นตอนที่ช่วยปกป้องข้อมูล โดยเมื่อรู้จักภัยคุกคามแล้วจะทำการบล็อกในทันที ทำการจัดการภัยคุกคามที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน สามารถดัก ตรวจสอบ และจัดประเภทของภัยที่พบให้แก่อุปกรณ์ที่จะจัดการได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังสามารถตอบโต้ต่อเหตุร้ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการส่งต่อข้อมูลของภัยที่พบไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่าย เพื่อทำความรู้จักและป้องกันภัยที่อาจจะมีความซับซ้อนเข้ามารุกราน