เอเอฟพี - รัฐบาลสหรัฐฯ ยอมรับเมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) ว่ากลุ่มแฮกเกอร์ได้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกจ้างรัฐทั้งในปัจจุบันและอดีตอย่างน้อย 4 ล้านคน ซึ่งเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ขนานใหญ่ที่ต้องสงสัยว่ามีต้นตอในจีน
“เนื่องด้วยเหตุการณ์ดังกล่าว” ซึ่งถูกเปิดเผยในเดือนเมษายน สำนักงานบริหารบุคลากรระบุว่า พวกเขา “จะส่งหนังสือแจ้งเตือนให้กับคนประมาณ 4 ล้านคน” และเสริมว่า อาจมีการเปิดเผยออกมาเพิ่มเติมอีก
ในแต่ละปีสำนักงานด้านบุลากรของรัฐบาลแห่งนี้จะดูแลจัดการการรับรองความไว้วางใจและการตรวจสอบสอบภูมิหลังลูกจ้างหลายแสนคน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการแฮกดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประธานาธิบดี บารัค โอบามา, เจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับอาวุโสคนอื่นๆ หรือกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองด้วยหรือไม่
วอชิงตันโพสต์และสื่อสหรัฐฯเจ้าอื่นๆ รายงานโดยอ้างจากคำพูดของเจ้าหน้าที่รัฐบาล ระบุว่า กลุ่มแฮกเกอร์ชาวจีนอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว
สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) และการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิกำลังนำการสืบสวนครั้งนี้ โดย FBI ระบุในถ้อยแถลงว่า พวกเขา “จะยังคงเดินหน้าสืบสวนและควบคุมตัวผู้มีส่วนรับผิดชอบที่เป็นภัยคุกคามในไซเบอร์สเปซต่อไป”
เจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะระบุตัวผู้กระทำหรือแรงจูงใจ แต่ได้แนะนำมาตรการที่สามารถป้องกันการฉ้อฉลและการขโมยข้อมูลส่วนตัวให้กับฝ่ายต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ
แคทเธอรีน อาร์คฮูเลตา ผู้อำนวยการของสำนักงานบริหารบุคลากร ระบุว่า “การปกป้องข้อมูลของลูกจ้างรัฐจากการคุกคามทางไซเบอร์มีลำดับความสำคัญสูงสุด”
หน่วยงานของเธอระบุว่า การโจมตีดังกล่าวอาจเริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว และ “มีขึ้นก่อนที่จะมีการนำการควบคุมความปลอดภัยที่เข้มงวดกว่าเดิมมาใช้” พร้อมเสริมว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลจะได้รับหนังสือแจ้งเตือนตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายนเป็นต้นไป หากพวกเขาได้รับผลกระทบ