เรดดี้แพลนเน็ตเผยปีที่ผ่านมามีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การทำธุรกิจเติบโตขึ้น 50% เติบโตเท่าเดิมเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน คาดปีนี้ก็จะเติบโตเท่าเดิม มองปัจจัยบวกอย่างเออีซีและดิจิตอลอีโคโนมี แต่จะเปลี่ยนสัดส่วนการทำตลาดใหม่มุ่งกลุ่มเอนเตอร์ไพรส์มากขึ้น ส่วนกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้จะเน้นการนำเครื่องมือดิจิตอลส่งเสริมตลาดมากขึ้น พร้อมเตรียมขยายลูกค้าไปสู่ต่างจังหวัดและกลุ่มส่งออก แนะ 4 แนวโน้มสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดอีคอมเมิร์ซที่ธุรกิจต้องปรับตัว
นายทรงยศ คันธมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด กล่าวว่า เรดดี้แพลนเน็ตดำเนินธุรกิจมา 15 ปีแล้วสำหรับในธุรกิจออนไลน์ และกำลังจะก้าวสู่ปีที่ 16 โดยภาพรวมของธุรกิจในปี 2014 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีการเติบโตขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปี 2013 และถือว่ามีการเติบโต 50% ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับในปี 2015 นี้ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 50% เช่นกัน ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้บริการ 16,000 ราย และทำการอบรมผู้ประกอบการไทยไปแล้วกว่า 3,000 ราย
ทั้งนี้ การเติบโตดังกล่าวเนื่องจากมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น มีแพลตฟอร์มที่รองรับการเข้าถึงทุกอุปกรณ์ และมีตลาดโฆษณาออนไลน์ที่เติบโตขึ้น รวมไปถึงมีนักธุรกิจรุ่นใหม่เข้ามาเป็นธุรกิจพันธุ์ดิจิตอลมากขึ้น โดยสัดส่วนรายได้ของธุรกิจนั้นแบ่งเป็นโฆษณาออนไลน์ 50% เว็บไซต์ 30% เอนเตอร์ไพรส์ 15% และเทรนนิ่ง 5% ส่วนในปี 2015 นี้คาดว่าจะเพิ่มการโฆษณาออนไลน์ขึ้นเป็น 55% และสัดส่วนของตลาดเอนเตอร์ไพรส์เพิ่มเป็น 20%
“จากข้อมูลของสมาคมโฆษณาดิจิตอล (ประเทศไทย) ระบุว่า ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2014 มีจำนวนการใช้งานมือถือ 94.3 ล้านเครื่อง จากจำนวนประชากรทั้งหมด 67.9 ล้านคน และในจำนวนนี้มีผู้ใช้สมาร์ทโฟน 30% ของผู้ใช้งานมือถือทั้งหมด โดยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 35 ล้านคน มีการใช้งานเฟซบุ๊ก 30 ล้านคน ส่วนผู้ประกอบการออนไลน์ในไทยนั้น แบ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 5,000 ราย เป็นเอสเอ็มอี 200,000 ราย และเป็นรายย่อยเล็กๆ ประเภทนักศึกษา คนทำงาน หรือเป็นพาร์ตไทม์อีกกว่า 800,000 ราย”
นายทรงยศกล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรดดี้แพลนเน็ตในปีนี้นั้นจะมุ่งสนับสนุนลูกค้าด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและความรู้ที่ทันสมัยผ่านที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญ โดยจะมีคอร์สอบรมให้ผู้ที่สนใจทางธุรกิจดิจิตอลได้เรียนรู้มากขึ้น และจะมีการจัดสัมมนาที่จังหวัดใหญ่ๆ เพื่อเป็นการขยายตลาด และให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้สำหรับการสร้างธุรกิจดิจิตอลในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนบริการโฆษณาออนไลน์นั้น เรดดี้แพลนเน็ตจะมีแพลตฟอร์มทั้งของกูเกิล และเฟซบุ๊ก รวมไปถึงเสิร์ชเอนจินอย่างไป๋ตู้เพื่อตอบสนองลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ส่วนอีกกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าไปหาคือกลุ่มผู้ประกอบการส่งออก
สำหรับโอกาสในปี 2015 นั้น เออีซีถือเป็นส่วนทำให้ตลาดในอาเซียนเป็นตลาดเดียวกัน สินค้าไม่มีพรมแดนจึงสามารถค้าขายผ่านพรมแดนกันได้ง่ายขึ้น ดังนั้นธุรกิจควรที่จะทำหน้าเว็บไซต์ให้รองรับได้หลายภาษา นอกจากนี้ยังมีนโยบายดิจิตอลอีโคโนมีของภาครัฐ ที่จะเริ่มตั้งแต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านสื่อดิจิตอลให้มีการพัฒนา ขยายตัว และมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งหากอินเทอร์เน็ตเร็วขึ้นก็จะเพิ่มช่องทางการขายผ่านวิดีโอได้อีกด้วย ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยจะเอื้อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจของเรดดี้แพลนเน็ตเพิ่มมากขึ้นด้วย
ส่วนความท้าทายในปี 2015 นี้ คือเรื่องของกฎกติกาและระเบียบการค้าระหว่างประเทศที่จะต้องทำการศึกษาให้ดี โดยเรดดี้แพลนเน็ตคาดว่าจะเข้าไปทำตลาดในพม่าด้วยการร่วมทุนเป็นที่แรก เนื่องจากมีความพร้อมทางด้านอีคอมเมิร์ซมากกว่าประเทศอื่น
นายทรงยศกล่าวว่า สำหรับในปี 2015 นั้น เรดดี้แพลนเน็ตคาดว่าจะมี 4 แนวโน้มสำคัญ และส่งผลกระทบต่อตลาดอีคอมเมิร์ซ 1. แนวโน้มการตลาดนั้นผู้ใช้งานจะใช้มือถือเพียงอย่างเดียวไม่ได้พึ่งพาคอมพิวเตอร์จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และเป็นกลุ่มที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากที่สุด ดังนั้นการทำตลาดที่ไม่สนใจทางด้านนี้อาจทำให้ลูกค้าหายไปได้มากกว่าครึ่ง 2. การตลาดผ่านดิจิตอลต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบแม่นยำ ด้วยการประมวลผลข้อมูลของลูกค้าที่เข้ามาและตอบกลุ่มลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์ ของเรา เพื่อให้สามารถตั้งราคาและสามารถสร้างกำไรได้
3. การซื้อออนไลน์ก็ควรจะมีช่องทางในการชำระเงินออนไลน์ จะเป็นเรื่องที่สำคัญและมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ และ 4. การทำ ลอจิสติกส์ที่ดีและมีการสต๊อกสินค้าที่เหมาะสม จะช่วยให้สามารถส่งของให้แก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและสร้างโอกาสได้มาก เนื่องจากปัจจุบันคู่แข่งต่างชาติจะสามารถรองรับในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี สามารถสั่งซื้อของแล้วรอรับได้ใน 1 วัน ดังนั้นหากธุรกิจไม่ปรับตัวรับมืออาจจะเสียโอกาสให้คู่แข่งได้
Company Related Link :
readyplanet