กสท โทรคมนาคม เผยกลยุทธ์ปีหน้าเน้นผลักดัน 3 กลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง หวังปั้นรายได้สู่ 5.2 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าเจรจาปลดล็อกปัญหาข้อพิพาท ดีแทค-ทรูมูฟ ประเดิมเซ็นสัญญา ดีแทค รื้อปัญหามากกว่า 20 คดี ตั้งหน้าเจรจาอย่างจริงจัง
พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการบริษัทและรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การตลาดในปี 2558 ว่า บริษัทจะเน้นผลักดันใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มสื่อสารไร้สาย กลุ่มบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต และกลุ่มคลาวด์ ไอดีซี เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูง และจะทำให้เป้ารายได้ของบริษัทในปีหน้าทะลุ 5.2 หมื่นล้านบาทได้
กลุ่มแรก กลุ่มธุรกิจสื่อสารไร้สาย “my 3G” ในปีหน้าบริษัทจะทุ่มงบ 200 ล้านบาท ในการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่องไปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ตลอดจนคนทำงานรุ่นใหม่ที่ใช้ดาต้าอยู่เป็นประจำ ซึ่งการสร้างแบรนด์ครั้งนี้ นอกจากจะทำให้ลูกค้าสนใจมาใช้บริการเพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทยังหวังเพิ่มความสนใจในกลุ่มดีลเลอร์เพื่อให้มีจำนวนดีลเลอร์ในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ my 3G จะขยายสถานีฐานเพิ่มขึ้น 500 สถานีฐาน จากเดิมที่มีอยู่ 13,500 สถานีฐาน จะเพิ่มขึ้นเป็น 14,000 สถานีฐาน โดยสถานีฐานที่เพิ่มขึ้นจะเติมเต็มในส่วนพื้นที่ที่มีความต้องการใช้งานดาต้าหนาแน่นเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ ยังดำเนินการปรับปรุงคอลเซ็นเตอร์ และระบบไอทีหลังบ้านเพื่อรองรับการบริการลูกค้าที่เข้ามาสอบถาม หรือเปลี่ยนโปรโมชันได้สะดวกรวดเร็วขึ้น รวมถึงมีการจัดโปรโมชันแพกเกจใหม่ และเพิ่มช่องทางในการเติมเงินมากขึ้น
โดยปีหน้าบริษัทตั้งเป้าลูกค้า my 3G ไว้ที่ 1 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดการณ์ว่าจะมีลูกค้า 6 แสนราย คิดเป็นรายได้แก่บริษัท 2.6 หมื่นล้านบาท โดยเป็นรายได้ที่มาจากการทำตลาดเอง 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1 พันล้านบาท และรายได้ที่มาจากการขายส่ง 2.4 หมื่นล้านบาท แต่เป็นรายได้ที่ไม่เพิ่มขึ้น แม้ว่าแผนปีหน้าบริษัทจะหาตัวแทนเพิ่มขึ้นอีก 5 รายก็ตาม เนื่องจากคาดว่าทั้ง 5 ราย จะเซ็นสัญญา และพร้อมทำการตลาดประมาณกลางปีหน้า จากนั้นต้องใช้เวลาในการหาลูกค้า ดังนั้น จึงยังไม่มีรายได้ในปีหน้า
กลุ่มที่ 2 บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต (FTTx) คาดว่าจะเติบโตถึง 15% ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงกว่าตลาดรวมที่มีการเติบโตเพียง 7-8% เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทเพิ่งเข้ามาในตลาด สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดปีหน้าบริษัทจะรีแบรนดิ้งใหม่เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้า จะมีการขยายโครงข่ายเพิ่มขึ้นอีก 1.5 แสนพอร์ต จากเดิมที่มีอยู่ 1 แสนพอร์ต และจะเพิ่มลูกค้าจาก 7 หมื่นรายเป็น 7 แสนรายในปีหน้า คาดการณ์รายได้ปีหน้าอยู่ที่ 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้ปีนี้ที่คาดการณ์ว่าจะได้ 7,000 ล้านบาท
“การเติบโตของเศรษฐกิจ การส่งเสริมโครงการจากภาครัฐและเอกชน ทำให้ความเจริญขยายสู่พื้นที่รอบนอกและภูมิภาค ประกอบกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประชากรมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนจึงต้องการใช้แบนด์วิดท์ที่มากขึ้น ดังนั้น FTTx คือคำตอบจนทำให้ตลาดนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” พ.อ.สรรพชัย กล่าว
นอกจากการรีแบรนด์แล้ว บริษัทจะขยายโครงข่าย FTTx ไปยังพื้นที่ของลูกค้ากลุ่มเอกชน เอสเอ็มอี และทำบันเดิลบริการให้เหมาะสมต่อธุรกิจของลูกค้า ขณะเดียวกัน จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ที่มีโครงข่ายลาสไมล์อยู่เดิม เช่น ผู้ให้บริการเคเบิลทีวีที่มีโครงข่าย Coaxial และมีฐานลูกค้าเดิม เพื่อช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานตามบ้านในการเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตพร้อมคอนเทนต์ เช่น ไอพีทีวี วิดีโอ ออนดีมานด์ และเกม เป็นต้น
กลุ่มที่ 3 กลุ่มคลาวด์และไอดีซี เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูงสุด คาดว่าจะมีรายได้ในปีหน้า 850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดการณ์ว่าจะมีรายได้ 600 ล้านบาท โดยผลงานโดดเด่นของกลุ่มนี้คือ บริการไอริสคลาวด์ คาดว่าปีหน้าจะมีรายได้ที่ 200 ล้านบาท เนื่องจากเป็นบริการที่เจ้าของโครงข่ายอย่าง กสท โทรคมนาคม มาทำบริการเอง ดังนั้น จึงมั่นใจได้ถึงศักยภาพของโครงข่าย และมีการกระตุ้นตลาดผ่านกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การให้แพกเกจทดลองใช้ การบันเดิลโปรโมชันฟรีคลาวด์ควบกับสัญญาอินเทอร์เน็ต โดยปีหน้าบริษัทตั้งเป้าจะขยายลูกค้าไปสู่กลุ่มที่เป็นดิจิตอล คอนเทนต์ และดิจิตอล มีเดีย มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังได้เดินหน้ายุทธศาสตร์ปลดล็อกปัญหาข้อพิพาทต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคู่สัญญาสัมปทาน ได้แก่ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค และบริษัท ทรู มูฟ จำกัด ซึ่งเป็นปัญหากันมาอย่างยาวนานในหลายเรื่อง เช่น เรื่องไม่ส่งมอบทรัพย์สิน เสาโทรคมนาคม ตู้คอนเทนเนอร์ การส่งผลประโยชน์ตอบแทนขาด หรือไม่ส่งเลย เป็นต้น ทำให้เรื่องอยู่ในชั้นศาล และอนุญาโต ซึ่งแม้ว่าเรื่องในชั้นศาลจะมีแค่เรื่องเดียว ที่เหลืออยู่ในขั้นอนุญาโต แต่กรรมการบริษัทหลายชุดที่ผ่านมาก็ไม่สามารถเจรจาหาข้อยุติกันได้
ล่าสุด บริษัทได้ตกลงจะเซ็นสัญญาร่วมกับดีแทคในการนำข้อพิพาทที่มีอยู่มากกว่า 20 คดี มาเจรจาหาทางออกร่วมกันอย่างจริงจังแล้ว ซึ่งแนวทางในการหาข้อยุติอาจจะมีหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมาเป็นผู้ร่วมลงทุน การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน ซึ่งต้องอยู่กับการเจรจาเป็นเรื่องๆ ไป
Company Relate Link :
CAT