“ริโก้” ชี้เมืองไทยยังคงมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี และมีความเข้มแข็งกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงพร้อมลงทุนอย่างต่อเนื่อง เผยโรงงานเฟส 2 ที่ลงทุนกว่า 280 ล้านเหรียญสหรัฐ ใกล้เสร็จเดือนตุลาคมนี้ สามารถเพิ่มการผลิตได้อีกเท่าตัว และพร้อมรับพนักงานเพิ่มอีก 2,000 ตำแหน่ง เตรียมเพิ่มสัดส่วนรายได้จากไอทีเซอร์วิสเป็น 25% จากเดิม 20% และในอีก 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าให้มีสัดส่วนถึง 50% ส่วนธุรกิจอิเมจิงจะลดสัดส่วนลงจากปัจจุบันที่อยู่ที่ 80%
นายจูเลี่ยน ไฟรเอ็ด ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ริโก้ ยังคงมั่นใจในเศรษฐกิจของไทยแม้จะดูว่ามีปัจจัยลบมากมาย แต่ด้วยพื้นฐานที่ดี และมีศัพยภาพมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงพร้อมที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา ได้ทำการลงทุนไปแล้วกว่า 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการขยายโรงงานผลิตเครื่องพิมพ์ในเฟส 2 บนพื้นที่กว่า 60,000 ตารางเมตร ในนิคมอุตสาหกรรมอมตซิตี้ จังหวัดระยอง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อผลิตเครื่องพิมพ์ป้อนตลาดทั่วโลก
โรงงานแห่งใหม่จะสามารถผลิตได้อีกเท่าตัวเมื่อเทียบกับโรงงานปัจจุบัน เนื่องจากสายการผลิตจาก 8 สายการผลิต จะเพิ่มเป็น 16 สายการผลิต และเตรียมรับพนักงานเพิ่มจากเดิมมี 3,000 คน เป็น 5,000 คน โดยรายได้ในปี 2556 มีรายได้รวม 5,500 ล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 9% เป็น 6,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยสามารถสร้างมูลค่าการส่งออกกว่า 2 หมื่นล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
“ริโก้มีโรงงานอีก 2 แห่งอยู่ในจีน และญี่ปุ่น การเลือกสร้างโรงงานในไทยเพราะริโก้เชื่อในความสามารถด้านฝีมือแรงงานไทยที่มีคุณภาพมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ในเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ประกอบกับขณะนี้ ภาครัฐเริ่มมีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น และเศรษฐกิจมีปัจจัยบวกเพิ่มมากขึ้น และมีการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์อย่างแพร่หลาย จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของริโก้สามารถเติบโตได้”
นายจูเลี่ยน กล่าวว่า ที่ผ่านมารายได้ของกลุ่มริโก้มาจากกลุ่มอิมเมจิงโซลูชันประมาณ 80% ธุรกิจไอทีเซอร์วิส 20% แต่ในปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนไอซีเซอร์วิสจะเพิ่มเป็น 25% ซึ่งริโก้ตั้งเป้าว่าในช่วง 3 ปีจากนี้ สัดส่วนจะเพิ่มเป็น 50% ปัจจุบัน ริโก้ไทยมีส่วนแบ่งการตลาดเครื่องถ่ายเอกสารเป็นอันดับ 1 ที่ 33% เฉพาะช่วงครึ่งปีแรกเทียบกับปีที่ผ่านมา ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2% ส่วนเครื่องพิมพ์เลเซอร์สีครองอันดับ 1 ในตลาดระดับไฮเอนด์ และอันดับ 3 ในตลาดรวมเนื่องจากสัดส่วนกว่า 60% ของตลาดรวมเป็นเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กซึ่งทางริโก้ไม่ได้เน้นทำตลาดมากนัก
โดยในครึ่งปีหลังมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมใหม่ต่อเนื่อง เช่น ระบบการจัดการงานเอกสารแบบครบวงจร ระบบบริการไอที ระบบกล้องวงจรปิดพร้อมซอฟต์แวร์การจัดการเพื่อการวิเคราะห์ ระบบการประชุมผ่านทางไกลแบบดิจิตอล สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโฟกัสตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่ จนถึงธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ทำตลาดโดยแยกกลุ่มไปตามประเภทธุรกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจการบริการ ได้แก่ โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา โรงแรม กลุ่มธุรกิจการค้า กลุ่มธุรกิจสถาบันการเงิน และธุรกิจประกัน
ปัจจุบัน ภาพรวมสินค้าแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.อิมเมจิงโซลูชัน (Imaging Solutions) ได้แก่ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ เครื่องโทรสาร และเครื่องพิมพ์สำเนาระบบดิจิตอล เครื่องพิมพ์ระดับโปรดักชัน เครื่องโปรเจกเตอร์รวมถึงระบบอีซีเอ็ม และบริการเอต์ซอร์สต่างๆ 2.บริการไอที (IT Services) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์และการให้บริการด้านไอทีทุกประเภท ระบบกล้องวงจรปิด และซอฟต์แวร์ และ 3.กลุ่มระบบการสื่อสาร (Communication Systems) เช่นระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนช์ อินเตอร์แอ็กทีฟ และอื่นๆ
Company Relate Link :
Ricoh