เอปสัน จับมือ CGC ผุดโชว์รูมไฮเทครับตลาดองค์กรเติบโต ชูจุดเด่นบริการเยี่ยม และมีแอปพลิเคชันต่อยอด เผยเปลี่ยนโฉมธุรกิจหลายรูปแบบด้วยเทคโนโลยีใหม่ เอปสัน รับแนวโน้มปรับพอร์ตศูนย์บริการเพิ่มสัดส่วนเป็น 20% พร้อมสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเต็มตัว
นายชัยทัต แซ่ตั้ง ประธานกลุ่มบริษัท CGC กล่าวว่า การเปิดตัว CGC Innovation Center ครั้งนี้ ถือเป็นการรุกตลาดในกลุ่มองค์กรครั้งสำคัญของ CGC เพื่อสร้างศูนย์นวัตกรรมร่วมกับเอปสัน ศูนย์บริการเอปสัน และศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคตในครั้งนี้ ทำให้ลูกค้าองค์กรเกิดทางเลือกใหม่ในการใช้งานในผลิตภัณฑ์เอปสันเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ของเอปสันที่ต้องการความมั่นใจในเรื่องบริการหลังการขาย โดยจะมีซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดย CGC เข้ามาเติมเพื่อทำให้ตรงต่อความต้องการของลูกค้าองค์กรแต่ละราย ในแบบ Customize และการบริการที่มี SLA (Services Level Agreement) ที่สูงกว่าการบริการทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการเน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ตั้งแต่การมีระบบ SMS แจ้งเตือนสำหรับเครื่องซ่อมเสร็จ, มีแอปพลิเคชั่นตรวจสอบถานะการซ่อม, การแจ้งราคาประเมินค่าซ่อม, พร้อมระยะเวลาซ่อมที่เร็วเป็นพิเศษ
ในแง่นวัตกรรมที่ CGC ต่อยอดออกมาได้แก่ Smart Projector เริ่มตั้งแต่การสร้างแอปพลิเคชันควบคุมการนำเสนองานของเครื่องโปรเจกเตอร์ด้วยอุปกรณ์ไร้สายอย่างสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต พร้อมจำลองการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ สำหรับบ้าน และสำนักงาน ซึ่งรองรับระบบปฏิบัติการทั้งไอโอเอส และแอนดรอยด์ และดึงศักยภาพของเครื่องโปรเจกเตอร์ให้สามารถฉายภาพจากแหล่งกำเนิดได้หลากหลาย รวมถึงสร้างคุณสมบัติพิเศษในการฉายแบบ edge blending หรือความสามารถฉายบนพื้นผิวโค้งได้
ระบบที่ CGC ใช้เวลาในการพัฒนาอย่างมากเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ Digital Signage Solution ที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ 4 คือ การเปลี่ยนให้ป้ายดิจิตอลสามารถโต้ตอบกับลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ และเขียนโปรแกรมที่สามารถแยกเพศของคู่สนทนาได้ และตัวโปแกรมจะนำเสนอสินค้า และโฆษณาให้เหมาะสมต่อเพศคู่สนทนา ระบบนี้จะทำให้ CGC เป็นผู้นำตลาดในกลุ่มนี้ต่อไป นอกจากนี้ CGC ยังโชว์ผลงานนำเครื่องโปรเจกเตอร์ประเภท Ultra-short-throw lens ผสมเทคนิคการฉายแบบ Interactive Holograms ซึ่งทำให้ภาพดูมีมิติเหมือนจริง
นอกจากนั้น CGC ยังได้เพิ่มมูลค่าในโปรเจกเตอร์ของเอปสันในด้านงานอีเวนต์ใหญ่ๆ โดยใช้เครื่องโปรเจกเตอร์ Epson G-Series ซึ่งเป็นรุ่นที่มีระดับความสว่างตั้งแต่ 5,200-7,000 lumens เน้นภาพสีสันสดใส สมจริง ผสมผสานกับการใช้เทคนิค Mapping เพื่อสร้างเนื้อหาที่ฉายลงบนฉากหลังที่มีหลากหลาย เช่น อาคาร รถไฟ ฯลฯ ให้มีความน่าสนใจ แปลกตา และสามารถควบคุมเรื่องราวด้วยโปรแกรมเพียงใช้นิ้วสัมผัส
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท CGC ประกอบด้วย บริษัท ไชยกาญจน์ คอนเซ้าท์ติ้ง, บริษัท บอสอัพ โซลูชั่น, บริษัท ดรีมไลน์ ครีเอชั่นส์ โดยทั้งหมดสร้างยอดขายประมาณ 200 ล้านบาท ในปีปัจจุบันมีการเติบโตสูงถึง 25% ซึ่งกลุ่มลูกค้าในปัจจุบันของกลุ่ม CGC จะเป็นกลุ่มราชการ และกลุ่มรัฐวิสาหกิจ 70% และองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ 30% ซึ่งภายใน 3 ปีจะมีการปรับพอร์ตเพิ่มสัดส่วนของภาคเอกชนขึ้นเป็น 50-50 เนื่องจากการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ มีเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา
“การพัฒนาโชว์รูมของเอปสันในครั้งนี้ถือเป็นต้นแบบใหม่ของทั้ง 2 บริษัท ในขณะที่เอปสันสนับสนุนอุปกรณ์และองค์ความรู้ของผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งไม่มีขายในท้องตลาดปกติ มาแสดงในโชว์รูมให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งาน ขณะที่ CGC ได้ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันเพิ่มเติมต่อยอด เป็นการสร้างโอกาสใหม่ให้แก่ตลาดประเทศไทย ขณะเดียวกัน เอปสันก็ได้แอปพลิเคชันต่อยอด ซึ่งสามารถนำไปขยายในตลาดประเทศอื่นๆ ได้ต่อไป”
สำหรับรายได้ที่จะมาจากการทำธุรกิจกับเอปสันนั้น คาดว่าในปีนี้จะอยู่ที่ 30 ล้านบาท และจะเติบโตอีกประมาณ 10% ต่อปี โดยที่โชว์รูมจะต้องมีเครื่องรุ่นใหม่ของเอปสันเวียนเข้ามาอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยเดือนละ 1 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะทำให้ CGC สามารถอัปเดตให้แก่ลูกค้า และบุคคลที่สนใจได้ และยังทำให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันต่อยอดเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา
นายคณิน ธรรมภิบาลอุดม ผู้จัดการอาวุโส แผนกวางแผนผลิตภัณฑ์ บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า เอปสัน ทำงานร่วมกับ CGC มาหลายปี ได้สร้างผลงาน และความไว้วางใจในการทำงานร่วมกันมาตลอด จุดเด่นของ CGC คือ มีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ของเอปสันอย่างมาก และสามารถต่อยอดโดยการสร้างแอปพลิเคชัน และโซลูชัน โดยเฉพาะในตลาดองค์กร ปัจจุบัน เอปสันมีศูนย์บริการ หรือ Epson Service Center อยู่ 129 ราย ในส่วนของ CGC Innovation Center ถือว่าเป็นศูนย์บริการรายล่าสุดที่มีนวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุด
ที่ผ่านมา เอปสันได้พัฒนาศูนย์บริการลูกค้าในทุกระดับ ตั้งแต่ศูนย์บริการลูกค้าแบบทั่วไป ศูนย์บริการลูกค้าระดับองค์กร เป็นต้น โดยสัดส่วนจำนวนศูนย์บริการในปัจจุบันคือ 80 : 20 ซึ่งทาง CGC จะเข้ามาเพิ่มเติมในส่วนของกลุ่มองค์กรให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ขณะที่ เอปสัน เองพยายามจะเพิ่มศูนย์บริการให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศไทย และต่อยอดธุรกิจของศูนย์บริการให้มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม
แนวทางความร่วมมือของเอปสันกับคู่ค้าที่ดำเนินการศูนย์บริการนั้น เอปสันจะเข้ามาสนับสนุนอุปกรณ์ และเทคโนโลยี รวมถึงองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อให้แต่ละศูนย์สามารถจัดการกับปัญหาและดูแลลูกค้าให้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม ในส่วนของการลงทุนส่วนอื่นนั้น ทางผู้ก่อตั้งศูนย์จะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด เช่นเดียวกับ CGC Innovation Center ซึ่งเป็นการลงทุนของกลุ่มบริษัท CGC ทั้งสิ้น
จากการที่ CGC สร้างความแตกต่างโดยเน้นหนักทางด้านเทคโนโลยีที่โดดเด่น ถือเป็นการสร้างมิติใหม่ให้ศูนย์บริการของเอปสันอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้เกิดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และสร้างการยอมรับให้เกิดเป็นโซลูชัน โดยเฉพาะในตลาดองค์กร ซึ่งจะทำให้ลูกค้าในระดับทั่วไปได้ทดลองใช้ และเกิดประสบการณ์ สร้างความประทับใจในแบรนด์สินค้า กระตุ้นให้เกิดความต้องการมากขึ้นในระดับ Mass ตามมา
Company Related Link :
เอปสัน
CyberBiz Social