xs
xsm
sm
md
lg

ควันหลง Computex 2014 : ไอทีตะวันตกมีอะไร เอเชียทำได้หมด!!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชาวไอทีทั่วโลกได้เห็นสินค้าไอทีราคาประหยัดจากผู้ผลิตเอเชียวางจำหน่ายจนชินตาในฐานะ”สินค้าทางเลือก” ผู้ใช้ส่วนใหญ่สามารถซื้อหาสินค้าเหล่านี้มาใช้งานได้ในราคาสบายกระเป๋าจนทำให้นักวิเคราะห์ยกให้สินค้ากลุ่มนี้เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนตลาดไอทีชิ้นสำคัญที่จะทำให้ผู้ใช้มีความคุ้นเคยและพร้อมรับกับเทคโนโลยีใหม่ในอนาคตได้เร็วขึ้น ความสำคัญนี้เองที่ทำให้การติดตามความเคลื่อนไหวในวงการ”ตลาดไอทีทางเลือก” เป็นเรื่องน่าสนใจไม่แพ้ตลาดต้นตำรับ โดยแหล่งข้อมูลบอกเทรนด์ตลาดไอทีทางเลือกเอเชียชั้นดีที่สุดคืองาน Computex 2014 ที่เพิ่งจบไป

งาน Computex ปีนี้ “ผู้จัดการไซเบอร์”ได้รับเกียรติจากบล็อกเกอร์ด้านไอทีอย่าง “ไทยเทค (@thaitech)” รับหน้าที่เหยี่ยวข่าวอิสระเพื่อเก็บภาพและเทรนด์ไอทีที่ร้อนแรงที่สุดแห่งปี 2014 ซึ่งผลสรุปจากบทความนี้บอกได้เลยว่า กองทัพสินค้าไอทีคุณสมบัติสุดเลิศที่บริษัทซีกโลกตะวันตกตั้งใจจะวางขายในราคาแพงนั้น มีคิวบุกตลาดโลกแน่นอนชนิดที่ผู้ใช้ไม่ต้องรอคอยอีกต่อไป

***ควันหลง Computex 2014 ก็อป-แปลก-แหวก-ล้ำ!
โดย ไทยเทค @thaitech



งานอีเว้นท์เทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวันอย่าง “คอมพิวเทค (Computex)” จัดต่อเนื่องกันมากว่า 30 ปี และปีนี้ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา ภายในงานปีนี้มีของเล่นเด่นที่เต็มไปด้วยเทรนด์ไฮเทคที่ทั่วโลกพูดถึงอย่าง เครื่องพิมพ์ 3 มิติ, internet of things, บ้านอัจฉริยะ ฯลฯ ซึ่งโอกาสนี้ บล็อกเกอร์ด้านไอทีอย่าง “ไทยเทค (@thaitech)” รับหน้าที่เหยี่ยวข่าวอิสระเดินทัวร์ทุกฮอลผ่านนับพันบูธตลอด 5 วันเต็มเพื่อเก็บภาพ ความรู้ด้านเทรนด์ไอทีที่ร้อนแรงที่สุดแห่งปี 2014 มาฝากแฟนๆ Cyberbiz ให้ตามไปทัวร์ด้วยกัน!

***ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับงานคอมพิวเทค



งานคอมพิวเทคเดิมทีเป็นงานที่มีเป้าหมายให้โรงงานผลิตสินค้าไอที ตั้งแต่ชิป ฮาร์ดแวร์ ได้พบปะกับคู่ค้าจากต่างประเทศ เพื่อสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานไปติดแบรนด์ตัวเองเพื่อส่งขายในต่างประเทศ โดยในงานจะมีการโชว์นวัตกรรมใหม่ ของโรงงานผู้ผลิตจากทั้งโรงงานที่มีและไม่มีแบรนด์ของตัวเอง จึงคล้ายกับงาน CES ที่ลาสเวกัส แต่ในขณะเดียวกัน วันสุดท้ายของงาน ก็มีการขายสินค้าที่นำมาจัดแสดงด้วย จึงมีส่วนคล้ายกับงานคอมมาร์ทและไทยโมบายของไทยเช่นกัน

***คนไทยกลุ่มไหนเหมาะจะมางานคอมพิวเทค?

- บริษัทประมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าไอที เช่น แท็ปเบล็ต อีบุ๊ก คอมพิวเตอร์ ฯลฯ : สามารถสั่งสินค้าล็อตใหญ่กับโรงงานผลิตโดยตรง (บางบริษัทรับดูแลครบวงจร ตั้งแต่ ติดแบรนด์ตัวเองได้ ทำคู่มือ ลงภาษาไทย และใส่กล่องเสร็จสรรพ)
- พ่อค้าคนกลาง (รายใหญ่ของจังหวัด) เข้ามาดูเทรนด์สินค้าไอทีใหม่ๆ เพื่อจัดหาแคตตาล็อกหรือตัวอย่างสินค้าไปทดลองวางตลาด โดยได้โอกาสติดต่อกับโรงงานโดยตรง
- คนวงการไอที บล็อกเกอร์: อัปเดทเทรนด์สินค้าใหม่ ทดลองเล่นสินค้าตัวอย่าง

สถานที่จัดงาน

สถานที่จัดงานจะจัดอยู่ที่ 3 ที่หลัก คือ 1. ไทเป เวิล์ดเทรด เซ็นเตอร์ (ปีนี้ขึ้นรถไฟฟ้าลงสายสีแดงมาลงที่สถานี Taipei 101 ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้เลย) 2. ศูนย์ประชุมแห่งชาติไทเป (TICC: taipei international convention center) เน้นการเปิดห้องประชุมสัมมนา 3. ศูนย์นิทรรศการหนานกั่ง จุดเด่นคือ บูธของแบรนด์ใหญ่จากไต้หวัน โซนสินค้าที่ได้รับรางวัลจากคณะกรรมการและคนเข้าชมงาน ได้แก่ Best Choice Awards, งานสินค้าที่ออกแบบโดดเด่นของไต้หวัน (Taiwan Excellent)

โดยผู้ร่วมงานทุกคนจะต้องลงทะเบียนก่อนเข้างาน โดยผ่านทางออนไลน์ (www.computex.biz) และลงทะเบียนหน้างาน (บัตรเข้างานจะใช้โดยสารรถไฟฟ้าจากเวิล์ดเทรดไปหนานกั่งและที่อื่นๆของไทเปได้ฟรีตลอดงานแบบไม่จำกัดเที่ยวอีกด้วย) นอกจากนี้ยังดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น แผนที่บูธต่างๆ และดูกิจกรรมการสัมนาของงานผ่านทางมือถือได้อีกด้วย ปี 2014 นี้ทางทีมผู้จัดงานคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน 130,000 คน โดยประเทศไทยติด 1 ใน 10 ของประเทศที่เข้าชมงานคอมพิวเทคมากที่สุดด้วย

-------------------------------

ก่อนอื่นผู้เขียนต้องขอเล่าว่านี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาร่วมงานคอมพิวเทค (ปีที่แล้วเป็นปีแรก) สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เทรนด์ของผู้ผลิตเปลี่ยนไป หลายบริษัทใหญ่จากที่เคยเน้นทำโซลูชั่นสำหรับองค์กร ก็หันมาผลิตแกดเจ็ทเข้าถึงตัวผู้บริโภคโดยตรงมากขึ้น

เทรนด์ที่ใหญ่ที่สุดและถือเป็นไฮไลท์ของปีนี้ก็คือ Internet of things คือ แกดเจ็ทเล็กๆ ที่เมื่อเชื่อมต่อกับมือถือแล้วสามารถมีฟีเจอร์โดดเด่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เช่น หลอดไฟเปลี่ยนได้เป็นพันๆ สี, กำไร/แว่นตา/นาฬิกา ที่ฝังชิปพิเศษสามารถที่จะส่งข้อมูลต่างๆ มายังมือถือได้ เช่น อ่านค่าการก้าวเดิน การเปิดเว็บ สั่งเปิดปิดเพลง รับโทรศัพท์ได้โดยไม่แตะมือถือ เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว บริษัทอิเล็กทรอนิกส์จากจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เริ่มขนทัพมาเปิดบูธที่งานนี้มากยิ่งขึ้น!


ถึงตอนนี้ผู้เขียนเชื่อว่าทุกท่านคนอยากเห็นแล้วว่าอะไรที่เรียกว่า ก็อป-แปลก-แหวก-ล้ำของงานคอมพิวเทค ว่าแล้วก็ตามมาเลย!

***ทุกแกดเจ็ทฮอตของโลกมากองรวมกันที่นี่

ของเล่นฮิตที่คนทั่วโลกพูดถึงอย่าง เครื่องพิมพ์ 3 มิติ, นาฬิกา กำไล แว่นตา อัจฉริยะ ที่เราเห็นจากแบรนด์ใหญ่หรือจากในเน็ต ล้วนจับต้องได้จริงๆที่นี่ (แต่ทุกชิ้นล้วนไม่ใช่ของจากต้นฉบับ เป็นเวอร์ชันที่โรงงานทำเลียนแบบ)

เริ่มกันที่ “เครื่องพิมพ์ 3 มิติ” ที่ว่ากันว่าจะเปลี่ยนรูปแบบการออกแบบ ผลิตสินค้าในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก เพราะต่อจากนี้ไอเดียที่อยู่ในหัว สามารถสร้าง “ต้นแบบ” ได้จากเครื่องพิมพ์นี้ในบ้านตัวเอง เมื่อลองแล้วโอเคค่อยสั่งผลิตล็อตใหญ่จากโรงงาน โดยไต้หวันวางแผนให้ตัวเองเป็นโรงงานผลิตเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ไฮเทคและถูกที่สุดในโลกภายในเวลา 2-3 ปีนี้



ที่นี่เราได้เห็นแบรนด์เครื่องพิมพ์ 3 มิติ da Vinci จากบริษัทมหาชน “XYZPriting” ที่ร่วมทุนระหว่างอเมริกาและจากไต้หวัน (ส่วนตัวเครื่อง Made in Thailand) ที่มีราคาไม่ถึง 10,000 บาท ซึ่งรุ่นใหม่ๆ อย่าง da Vinci 2.0 Duo และ da Vinci 2.0 Duo plus สามารถพิมพ์หลายสี และสั่งพิมพ์จากแอปฯ ผ่านไว-ไฟได้พร้อมๆ กันด้วย (สินค้านี้ได้รับรางวัล Best Design จากเวที Best Choice Award ของปีนี้ด้วย) www.xyzprinting.com 
 
และในอีกบูธก็ได้พบกับ Free Make ที่แม้ตัวเครื่องจะมีหลักราคาครึ่งแสน แต่ก็มาพร้อมจุดเด่นอย่างแอปฯ ที่ช่วยให้เราออกแบบสินค้าก่อนเข้าเครื่องพิมพ์ด้วยมือถือ จากนั้นก็สั่งพิมพ์แบบไร้สายผ่านไว-ไฟเข้าเครื่องได้ทันที





นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้ทดสอบเป็นหุ่นถ่ายภาพเพื่อนำไปทำตุ๊กตา 3 มิติ ซึ่งหลักการทำงานคือ ยืนบนลานที่หมุนได้ 360 องศา เมื่อยืนนิ่งและหมุนไปรอบๆ ก็สามารถถ่ายภาพตัวเราได้หมด โดย 2 บริษัทที่ลุยธุรกิจนี้ก็คือ catstudio3d (https://www.facebook.com/catstudio3d) และ www.ego3d.com.tw โดยหากต้องการสั่งพิมพ์ตุ๊กตาหน้าเหมือนตัวเราเป๊ๆ สนนราคาเริ่มต้นก็ประมาณ 8,000 บาท สำหรับขนาด 10 ซม.

***กำไล นาฬิกาอัจฉริยะทุกสี ทุกไซส์ ทุกสไตล์ หาได้ที่นี่



เทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ (wearable technology) ที่อยู่ในรูปแบบของกำไล นาฬิกาอัจฉริยะ หน้าตาเหมือนแบรนด์ดัง เช่น Samsung Galaxy Gear, Jawbone Up, Fitbit สามารถสั่งซื้อแบบยกล็อตได้ที่นี่โดยส่วนมากจะใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ส่วนฟีเจอร์ก็ไม่ต่างจากแบรนด์ดังๆ แต่อย่างใด และส่วนนาฬิกาอัจฉริยะแบรนด์ Martien ที่เน้นรูปลักษณ์ไม่ต่างจากนาฬิกาปกติ แต่รับการเตือน โทรออก-เข้า ก็เป็นแบรนด์ฝรั่งที่ผลิตในไต้หวันเช่นกัน





และที่ไฮเทคขึ้นมาอีกก็คือ “เสื้อผ้าไฮเทค” จากแบรนด์ AIQ ที่ทำด้าน Smart Clothing อย่างครบวงจรตั้งแต่เลือกวัตถุดิบเสื้อผ้า เขียนโปรแกรมที่เชื่อมต่อกับแกดเจ็ทจิ๋วที่ติดกับเสื้อผ้าได้ เหมาะกับการออกแบบชุดนักกีฬาทั้งหน้าร้อนและหน้าหนาว (www.aiqsmartcloting.com)

***แว่นตากูเกิล สายรัดศีรษะดูภาพ 3 มิติ มีครบ!



แว่นตากูเกิลถูกโคลนนิ่งโดยบริษัท ข้อเสียคือ ขนาดใหญ่เกินไป ทั้งเมื่อใส่ระบบแอนดรอยด์เข้าไปทั้งดุ้น ทำให้เวลาจะบังคับปุ่มต่างๆ ในจอ ต้องใช้นิ้ววาดไปมาเหมือนใช้เม้าส์กับจอคอมฯ แต่เป้าหมายของบริษัทนี้คือ การหวังว่าจะได้ออเด้อร์จากการรับจ้างผลิตแว่นตาอัจฉริยะที่มีความสามารถจำเพาะตามสายงาน เช่น แว่นสำหรับใส่ผ่าตัด แว่นสำหรับตำรวจออกตระเวน แว่นสำหรับการออกแบบหรือทำงานกลางแจ้ง เพราะบริษัทเหล่านี้มีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์พร้อมให้ลูกค้าเลือกสั่งเหมือนอาหารตามสั่งอยู่แล้ว

บูธเล็กๆ ที่เตะตาผู้เขียนคือ View Phone Technology (viewphone-technology.com) สายรัดศีรษะสำหรับดูหนัง 3 มิติ (ที่เปลี่ยนจอมือถือ 4 นิ้วให้กลายเป็นจอทีวีขนาด 200 นิ้ว) ที่สัปดาห์ก่อนมีข่าวลือว่าซัมซุงซุ่มผลิตอยู่นั้น ก็มีต้นแบบจากแบรนด์ท้องถิ่นมาโชว์ให้เล่นที่นี่ด้วย (ลองแล้วสนุกใช้ได้)



***บ้านอัจฉริยะ ความฝันที่เป็นจริง

เมื่อ 5 ปีก่อน ที่เทคโนโลยีไว-ไฟ บลูทูธ ยังไม่เสถียรทำให้คำว่า “บ้านอัจฉริยะ (Smart Home)” กลายเป็นเพียงแนวคิดดีๆ แต่วันนี้ที่งานคอมพิวเทค ผู้เขียนเห็นว่า “โซลูชั่นนี้” พร้อมให้บริการจริงๆแบบครบวงจรแล้ว ซึ่งก็หมายถึง ประตู เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เกี่ยวข้องกับการเปิด-ปิด ปรับตั้งค่า หรือดูความเคลื่อนไหวของบ้านและบริเวณขณะที่เราไม่อยู่บ้านกลายเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ง่ายๆ จากแอปฯ เดียว!

บริษัทที่ให้บริการติดตั้งและขายอุปกรณ์เพื่อเปลี่ยนบ้านของเราให้กลายเป็นบ้านอัจฉริยะนั้นมีมากกว่า 10 บูธ แต่บูธที่ถูกใจผู้เขียนมากที่สุดคือ แบรนด์ Sapido (www.sapidao.com.tw) ที่มีการออกแบบบูธแนะนำสินค้าได้อย่างเห็นภาพ จับต้องได้ ทุกอุปกรณ์ออกแบบติดโลโก้เดียวกันดูน่าเชื่อถือ และกดเพียงไม่กี่ปุ่มเพื่อให้เทคโนโลยีไร้สายภายในบ้านสื่อสารกัน ก็เริ่มใช้งานได้ทันที



ทีมเซลสาธิตการแจ้งเตือนเมื่อโจรเข้ามาบ้านด้วยการเปิดหน้าต่างบานจิ๋วๆ ก็ได้ยินเสียงออดเตือน เมื่อเอามือบังที่เซ็นเซอร์ ไฟต่างๆ ที่ซ่อนไว้ก็เปิดขึ้นมาทันที ฯลฯ โดยผลงานของบริษัทนี้ได้กวาดรางวัลมากมาล และในงานก็ได้รางวัล Taiwan Excellency 2014 ด้วย ซึ่งเร็วๆ นี้กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ



นอกจากบ้านอัจฉริยะแล้ว รถอัจฉริยะ (Smart Car) ก็เป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ และในบูธของ E-lead electronics (e-lead.com.tw) ก็ได้มีการโชว์สินค้าใหม่อย่าง Smart HUD ที่เมื่อเชื่อมต่อกับมือถือแล้ว ทำให้มองเห็นหน้าจอและเมนูต่างๆ ของมือได้ง่ายขึ้น สั่งงานมือถือได้ด้วยเสียง รวมถึงเป็นกระจกมองด้านหน้าและด้านข้างของตัวรถด้วย



***อุปกรณ์เสริมหลากสีสัน หลายฟังก์ชัน

สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานนี้ก็คือ บูธของผู้ผลิตอุปกรณ์เสริม ปีที่ผ่านมาจะฮิตแฟลชไดรฟ์รูปทรงต่างๆ แต่ปีนี้ที่ฮิตมากๆ ก็เห็นจะเป็นแบตเตอรี่สำรอง กรอบมือถือ ที่โรงงานมาเอง รับสั่งทำไปติดแบรนด์ของตัวเองได้



โดยในงานนี้ผู้เขียนได้เห็นนวัตกรรมแปลกๆ ในหมวดอุปกรณ์เสริมด้วย เช่น กรอบมือถือที่มีถาดสำหรับหยดน้ำหอมอโรมา เพื่อใช้แล้วได้กลิ่นหอมผ่อนคลาย (ถือเป็นนวัตกรรมชาวบ้านจากไต้หวัน) รวมถึงกรอบที่กลายเป็นจอ E-ink สำหรับอ่านอีบุ๊ก และกรอบขยายสัญญาณมือถือและไว-ไฟ เป็นต้น



ที่น่าสนใจอีกชิ้นก็คือแกดเจ็ทแนวคิดใหม่จาก PhotoFast (photofast.com) อย่าง i-FlashDrive การทำแฟลชไดรฟ์ที่เอาไว้โอนไฟล์จากไอโฟนไปยังมือถือแอนดรอยด์ได้ รวมถึงการทำแท่นชาร์จและกรอบมือถือที่มีฟังก์ชันเหมือนกันคือ ชาร์จแบตและเป็นฮาร์ดดิสก์เสริมของมือถือไปในตัว



นอกจากนี้แล้วในงานนี้ยังมีนวัตกรรมท้องถิ่นที่อาจจะไม่ได้ใช้เทคโนโลยีหรือวัตถุดิบราคาแพง แต่สามารถตอบปัญหารายวันของเราได้ และสินค้าส่วนใหญ่มีการจดลิขสิทธิ์เสียด้วย อาทิ ชุดเสื้อผ้าป้องกันรังสีแม่เหล็กและรังสีไมโครเวฟ ที่โดยขยายจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแม่บ้าน มาเป็นคนทำงานในออฟฟิศ และเหล่านักกีฬา



ถึงตอนนี้เชื่อว่าทุกท่านคงเอนจอยกับการเดินทัวร์งานคอมพิวเทค 2014 มาพอสมควร ผู้เขียนจึงขอปิดท้ายด้วยเกร็ดความรู้สำหรับนักธุรกิจที่คาดว่าจะเข้าชมงานนี้ในปีหน้า ดังนี้

--------------------

7 เกร็ดความรู้ของการเข้าร่วมชมงานคอมพิวเทคปีต่อไป

1 ทุกบูธมีทีมงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ แต่อาจจะไม่คล่องมาก ดังนั้นหากได้ภาษาจีนกลางจะทำให้สอบถามข้อมูลได้ชัดเจนกว่า

2 บูธใหญ่จะมีเวทีเล็กๆ ให้กับพริตตี้ขึ้นโชว์การแสดง จบการแสดงจะมีคำถาม ส่วนมากคำตอบก็หนีไม่พ้นการตะโกนพูดชื่อแบรนด์ หากมีผู้ร่วมสนุกเยอะ ของแจกทางพริตตี้จะสุ่มโยน ใครมือยาวรับได้ก็เอาไปเลย

3 เนื่องจากเป็นงานเน้นการติดต่อซื้อขายระหว่างบริษัท เมื่อสอบถามเกี่ยวกับสินค้า เช่น สเปค, สินค้า ราคา ทางคนจัดบูธก็จะถามกลับทันทีว่าเราเป็นใคร มาจากไหน โปรดอย่าคิดเป็นอย่างอื่น เพราะบางบริษัทจะมีราคาหรือสเปคสินค้ากับลูกค้าหลายกลุ่มที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นควรฝึกแนะนำตัวเองสั้นๆ ว่าเราเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านไหน มาจากประเทศอะไร พร้อมมอบนามบัตรให้อีกฝ่าย จะทำให้การสนทนาราบรื่นเร็วขึ้น

4. หากไม่อยากพกโบรชัวร์มากมายกลับบ้านให้หนักมือ เคล็ดลับคือ การถ่ายรูปสินค้าที่ถูกใจ จากนั้นก็ หยิบเฉพาะนามบัตร (มีทั้ง ชื่อ เบอร์ติดต่อ และเว็บไซต์) พร้อมจดว่าพบสินค้าใดๆ ที่บูธนี้ก็เพียงพอกับการติดต่อในโอกาสหน้าแล้ว หรือหากอยากจะถ่ายโปรชัวร์ให้ชัดเจน ก็ขอแนะนำแอปฯ สแกนเอกสารบนสมาร์ทโฟนอย่าง CamScanner (https://www.camscanner.net)

5. นอกจากบริษัทที่มีแบรนด์ที่รู้จักกันดีแล้ว กว่า 80% ของบูธที่มาออกงานเป็นโรงงานรับจ้างผลิต ดังนั้นการสอบถามราคาสินค้าอาจจะต้องสอบถามถึงราคาของจำนวนการสั่งซื้อขั้นต่ำ ซึ่งก็คือ MOQ (Minimum Order Quantity) เช่น แท็ปเบล็ต (หน้าตาเหมือนไอแพด) อีบุ๊ก (หน้าตาเหมือนคินเดิล) ก็มักจะรับสั่งอย่างต่ำ 3,000 ชิ้นขึ้นไป

6. สินค้าหลายชิ้น นอกจากเอามาโชว์แล้ว ยังนำมาขายอีกด้วย ดังนั้นสามารถสอบถามราคาเพื่อขอซื้อได้โดยตรง

7. หากอยากได้สินค้าตัวอย่างที่บริษัทออกบูธเอามาโชว์ วันสุดท้ายก่อนเที่ยงควรรีบเข้างานเพื่อขอซื้อ ส่วนมากทางบริษัทเหล่านี้จะขายในราคาพิเศษ เพราะไม่อยากขนของกลับ

CyberBiz Social



Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket
กำลังโหลดความคิดเห็น