xs
xsm
sm
md
lg

Review รีวิวสินค้าไอที สมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก

x

ซอร์สไฟร์ เตือนผู้ใช้ระวังความเสี่ยงบนข้อมือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุธี อัศวสุนทรางกูร ผู้จัดการประจำประเทศไทย และอินโดจีนซอร์สไฟร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของซิสโก้
ซอร์สไฟร์เตือนผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีสวมใส่ระวังโดนแฮกข้อมูลส่วนตัว ด้วยความใหม่ของเทคโนโลยีทำให้ความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัยยังมีช่องโหว่อยู่มาก จนอาจตกเป็นเป้าหมายแฮกเกอร์ที่หวังผลจากข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ชี้หากไม่รีบหามาตรการรักษาความปลอดภัยจากเรื่องเฉพาะตัวอาจยกระดับกลายเป็นความเสี่ยงระดับองค์กร

นายสุธี อัศวสุนทรางกูร ผู้จัดการประจำประเทศไทย และอินโดจีนซอร์สไฟร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของซิสโก้ กล่าวว่า ไอดีซีได้คาดการณ์ว่าตลาดของอุปกรณ์แวเรเบิล(wearable) หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่จะมีมากถึง 19,000 ล้านชิ้นในปี 2014 ซึ่งแรงผลักดันมาจากบรรดาแก็ดแจ็ตทั้งหลาย เช่นอุปกรณ์สวมใส่อัจริยะต่างๆ ที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็น Fitbit และสายรัดข้อมืออัจฉริยะเพื่อสุขภาพของJawbone

ส่งผลให้ในปี 2014 จะเป็นปีทองของอุปกรณ์สวมใส่ที่ออกตัวแรง โดยในช่วงที่ผ่านมากูเกิลได้เปิดตัวกูเกิลกลาส (เทคโนโลยีที่สวมใส่ในรูปแบบของแว่นตา) ซึ่งมีเพียงไม่กี่พันชิ้นให้กับคนที่อยากทดลองเทคโนโลยีใหม่ โดยแม้ว่าจะเป็นรุ่นที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่ก็ขายหมดภายในระยะเวลาไม่ถึงชั่วโมง และหากข่าวการกระโดดเข้าร่วมวงอุปกรณ์สวมใส่ของแอปเปิลเป็นจริง เราอาจจะได้เห็น iWatch อยู่บนข้อมือสาวกแอปเปิลอีกหลายคน

“ปัจจุบันผู้ใช้ต่างเชื่อมต่อตัวเองกับอินเตอร์เน็ตมากขึ้นทุกที สิ่งสำคัญที่ต้องระวังคือเรื่องของความเสี่ยงและสิ่งที่แฝงมากันอุปกรณ์ใหม่อย่างอุปกรณ์สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นสายรัดข้อมือสำหรับการออกกำลังกายที่สามารถมอนิเตอร์และจับข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเราโดยใช้GPS หากอีกมุมหนึ่งกลับเป็นการเปิดช่องให้ผู้ประสงค์ร้ายได้ข้อมูลที่เป็นรายละเอียดกิจวัตรประจำวัน และรูปแบบการใช้ชีวิตของเรารวมถึงที่อยู่ปัจจุบันไปได้เช่นกัน และนี่เป็นเรื่องส่วนตัวที่ผู้ไม่หวังดีจะสามารถดึงข้อมูลบางอย่างจากตัวเรา และหากเป็นในแง่ขององค์กร ย่อมส่งผลกระทบได้มากกว่านั้น” นายสุธีกล่าว
นายสุวิชชา มุสิจรัล วิศวกรระบบรักษาความปลอดภัย ซอร์สไฟร์
ด้านนายสุวิชชา มุสิจรัล วิศวกรระบบรักษาความปลอดภัย ซอร์สไฟร์ กล่าวถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับองค์กรว่า “เทคโนโลยีสวมใส่เป็นแค่หนึ่งในอีกหลายช่องทางโจมตีที่ต้องรับมือให้ได้ และในฐานะที่เป็นส่วนขยายการใช้งานด้าน BYOD ธุรกิจควรมีนโยบายด้านการใช้งานข้อมูลและการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายให้ครอบคลุมทุกความกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสวมใส่ แม้ว่าฝ่ายไอทีส่วนใหญ่จะมีแนวทางไว้รับมือกับประเด็นเรื่องของการเชื่อมต่อกับโซเชียลจากที่ทำงาน การใช้งานระบบคอมพิวเตอร์และBYOD ได้อย่างปลอดภัยอยู่แล้วก็ตามที แต่เรื่องของเทคโนโลยีสวมใส่ก็ทำให้เกิดคำถามใหม่สำหรับการพัฒนาต่อยอดมาตรฐานเหล่านี้ในอนาคต”

“ตัวอย่างเช่น พนักงานทุกคนจะได้รับอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีสวมใส่ในที่ทำงานหรือไม่ หรือพนักงานประเภทไหนบ้างที่ห้ามใช้ หรือมีใครบ้างที่ต้องใช้ในการทำงาน และจะมีการระบุรวมถึงอนุมัติการใช้งานอย่างไร นอกจากนี้องค์กรธุรกิจควรคิดเผื่อด้วยว่าจะจำกัดความสามารถบางอย่างหรือไม่ เช่นอาจใช้บางฟีเจอร์ไม่ได้ อีกทั้งควรดูว่าเทคโนโลยีสวมใส่ควรใช้หรือไม่ควรใช้ที่ไหนบ้างในองค์กร”

อย่างไรก็ตามแม้จะมีความเสี่ยง แต่ประโยชน์ของ BYOD และ เทคโนโลยีสวมใส่ก็มีข้อดีเกินกว่าที่จะละเลย และเพื่อควบคุมการใช้งานบนโลกโมบาย มืออาชีพด้านการรักษาความปลอดภัยไอทีต้องสามารถเห็นทุกสิ่งในสภาพแวดล้อม เพื่อกำหนดระดับความเสี่ยง และรักษาความปลอดภัยได้อย่างเหมาะสม ทางออกที่เหมาะสมสำหรับองค์กรส่วนใหญ่คือต้องสร้างนโยบายที่จัดเจนในการกำหนดให้พนักงานนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้งานได้อย่างเหมาะสมในองค์กร และต้องมีการตรวจสอบและควบคุมการบังคับใช้งานตามนโยบายเหล่านี้อย่างเพียงพอ

การรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์โมบายจะต้องตั้งคำถามในสามส่วนต่อไปนี้ เพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่ได้แก่ ช่วงก่อนการโจมตี - ควบคุมการใช้อุปกรณ์โมบายในทุกแง่มุม ใช้ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร รวมถึงการเข้าถึงและจัดเก็บข้อมูลอะไรได้บ้าง ช่วงระหว่างการโจมตี - ทั้งความสามารถในการมองเห็นและความรู้เท่าทันที่นำมาใช้ดำเนินการต่อได้ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมืออาชีพด้านการรักษาความปลอดภัย ในแง่ของการระบุภัยคุกคามและอุปกรณ์ที่สุ่มเสี่ยง รวมถึงตรวจสอบกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายได้

และสุดท้ายช่วงหลังการโจมตี - เมื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ และภัยคุกคามบุกรุกเข้ามายังเครือข่าย ต้องสามารถมองย้อนหลังกลับไปได้ว่าภัยคุกคามเข้ามาที่เครือข่ายได้อย่างไร และติดต่อกับระบบงานส่วนไหน รวมถึงแอปพลิเคชันและไฟล์ไหนบ้างที่ทำงานรองรับอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าภัยคุกคามจะถูกกวาดล้างออกไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ไม่ว่าจะกังวลเรื่องการรักษาความปลอดภัยไอทียังไงก็ตาม ก็ยังไม่มีโซลูชันใดที่ตอบโจทย์ได้ทุกสิ่ง และอาชญากรไซเบอร์ก็ยังคงหาช่องโหว่ทางเทคโนโลยีเพื่อทำการโจมตีตลอดเวลา จึงเป็นความท้าทายอันใหญ่หลวงสำหรับองค์กรที่ต้องนำหน้าอาชญากรอยู่หนึ่งก้าวเสมอ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นวิธีที่องค์กรต้องรับมือกับเหตุการณ์จริงที่มีผู้แฮกเข้ามายังระบบและส่งผลกระทบต่อองค์กร ซึ่งการที่องค์กรมีแผนตั้งรับที่ชาญฉลาดทั้งเรื่องการตรวจจับ ป้องกันและแก้ไขได้อย่างรวดเร็วในเวลาที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง นั่นคือความแตกต่างระหว่างความขัดข้องด้านเทคโนโลยีเพียงเล็กน้อย กับการที่ระบบงานต้องล่มทั้งระบบ”นายสุธี กล่าวทิ้งท้าย

Company Related Link :
ซอร์สไฟร์

CyberBiz Social



Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket
กำลังโหลดความคิดเห็น