“อินเทล” ประกาศเปิดตัวชิปประมวลผลรวมตระกูลล่าสุด “เบย์เทรล” (Bay Trail) ช่วยให้อุปกรณ์มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน ลดข้อจำกัดด้านการออกแบบด้วยขนาดที่บางเบา และอาจส่งผลให้ราคาของอุปกรณ์ถูกลง เพิ่มประสิทธิภาพให้แท็บเล็ต อุปกรณ์ทูอินวัน ตลอดจนอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ให้พร้อมรองรับความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผู้ผลิตหลายแบรนด์แห่สนใจและคาดว่าจะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดได้ราวไตรมาส 4 ของปีนี้
โปรเซสเซอร์ในตระกูล “เบย์เทรล” ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับไมโคร “ซิลเวอร์มอนท์” ของอินเทลที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อราวพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและกินไฟต่ำจากเทคโนโลยีการผลิตแบบ 22 นาโนเมตร รองรับการทำงานในหลากรูปแบบ ทำให้เอสโอซี (SoC - system-on-a-chip) ชิปแบบที่มีระบบประมวลผลต่างๆ ฝังรวมอยู่ในชิปตัวเดียวกัน สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดกลุ่มต่างๆ ได้ โดยมีให้เลือกทั้ง Intel® Pentium® โปรเซสเซอร์ (เบย์เทรล-เอ็ม), Celeron® โปรเซสเซอร์ (เบย์เทรล-ดี) และIntel® Atom™ Z3000 ซีรีส์
เฮอร์แมน อูล รองประธานองค์กรและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มโมบายล์และการสื่อสารของอินเทล กล่าวว่า “สิ่งที่เรานำเสนอในแพลตฟอร์ม เบย์เทรล คือ เอสโอซีที่มีพลังสมรรถนะสูง ทั้งด้านประสิทธิภาพและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน ซึ่งนับเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยพันธมิตรในระดับโออีเอ็มที่นำเบย์เทรลไปพัฒนาสินค้า จะสามารถดีไซน์ตัวอุปกรณ์ให้มีรูปแบบที่หลากหลายและมีจำหน่ายในหลายระดับราคา ตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของผู้บริโภค นักธุรกิจ และผู้จัดการฝ่ายไอที”
ทั้งนี้ อินเทลยังได้พัฒนาความสามารถในการทำงานมัลติทาสก์ และยืดระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ให้นานขึ้น รวมถึงพัฒนาคุณสมบัติด้านกราฟิกให้ดีขึ้น ส่งผลให้ได้ชิปที่มีประสิทธิภาพที่เพิ่มสูงขึ้น และเกิดความคล่องตัวในการพกพาทำให้การใช้งานเพลิดเพลินยิ่งขึ้น โดยเปิดตัวพร้อมกัน 3 ซีรีส์
Intel Atom Z3000 เป็นซีรีส์โปรเซสเซอร์ที่ให้สมรรถนะในระดับสูงพร้อมด้วยอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานตลอดวัน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของอินเทลที่มีความสามารถสูงที่สุดและให้ประสิทธิภาพดีที่สุดในปัจจุบันสำหรับแท็บเล็ตและอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ที่ต้องการดีไซน์บางเบา ด้วยขนาดที่เล็กกว่าเดิม กินไฟต่ำ แต่มีสมรรถนะในการประมวลผลมากกว่าเดิมถึงสองเท่า และมีความสามารถด้านกราฟิกดีกว่าเดิมถึงสามเท่า เมื่อเทียบกับอินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชันปัจจุบัน แพลตฟอร์มเอสโอซีรุ่นกินไฟต่ำช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานได้นานกว่า 10 ชั่วโมง และเปิดสแตนด์บายได้นานถึงสามสัปดาห์โดยที่เครื่องยังสามารถเชื่อมต่อออนไลน์ได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ Intel Atom Z3000 โปรเซสเซอร์ ซีรีส์ ยังมีเทคโนโลยี Intel® Burst Technology 2.0 และมี 4 คอร์ 4 เธรด และแคช L2 ขนาด 2 MB โดยที่สมรรถนะดังกล่าวทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานในลักษณะมัลติทาส์ก รองรับทั้งแอนดรอยด์และวินโดวส์ 8 โดยตัวอุปกรณ์สามารถดีไซน์ให้มีความบางได้ตั้งแต่ขนาด 8 มม.และเบาได้ถึง 450 กรัม รองรับขนาดจอตั้งแต่ 7-11.6 นิ้ว สำหรับแท็บเล็ตที่ใช้ SoC Intel Atom คาดว่าจะมีจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 199 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6,000 บาท)
สำหรับการใช้งานในองค์กรธุรกิจจะมาพร้อมกับระบบการปกป้องข้อมูลสำหรับองค์กร ได้แก่ เทคโนโลยี McAfee® DeepSAFE*, AES hardware full disk encryption, Intel® Platform Trust Technology, Intel® Identity Protection Technology และ Intel Data Protection Technology ช่วยให้การทำงานบนแพลตฟอร์มนี้ปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ยังรองรับการทำงานของ Microsoft Windows 8 Pro Domain Join and Group Policy และใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันและอุปกรณ์พ่วงต่อต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
เผยราวต้นปี 2557 อินเทลเตรียมเปิดตัวเทคโนโลยี 64 บิต สำหรับแท็บเล็ต เพื่อให้ผู้จัดการด้านไอทีได้ประโยชน์มากขึ้น โดยอุปกรณ์ที่ใช้เอสโอซีเวอร์ชันใหม่จะมีแอปพลิเคชันและระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กรในระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ นอกจากนี้ เทคโนโลยี Intel® Identity Protection Technology (IPT) ที่มี PKI ยังไม่จำเป็นต้องใช้รหัส VPN เมื่อมีการใช้งานร่วมกับระบบที่รองรับทั้ง IPT และ PKI อีกด้วย
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ “เบย์เทรล-เอ็ม” จะมีวางจำหน่ายรวมสี่รุ่น ซึ่งได้แก่ Intel Pentium N3510 โปรเซสเซอร์ และIntel Celeron ซีรีส์ ซึ่งได้แก่ N2910, N2810 และ N2805 โปรเซสเซอร์ซีรีส์ดังกล่าวจะเพิ่มสมรรถนะให้กับนวัตกรรมอุปกรณ์ทูอินวันและโน้ตบุ๊กหน้าจอสัมผัส ทำให้ผู้ใช้กลุ่มใหม่ได้รับประสบการณ์ในระดับราคาที่ย่อมเยาลง
ด้วยสถาปัตยกรรมระดับไมโครที่มีความยืดหยุ่นต่อการผลิตสินค้าและคุณภาพของกราฟิกที่ดียิ่งกว่าเดิม ซึ่งเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นที่ใช้เบย์เทรล โดยทั้ง Pentium N3000 โปรเซสเซอร์ และ Celeron N2000 โปรเซสเซอร์ ซีรีส์ ต่างให้สมรรถนะในการใช้งานแอปพลิเคชันที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมถึงสามเท่า และมีคุณสมบัติด้านกราฟิกที่ดีกว่าเดิมสูงสุดถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กที่ใช้เทคโนโลยีอินเทลรุ่นก่อนหน้านี้สามปี
โดยดีไซน์ของอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ ไม่ต้องใช้พัดลมระบายความร้อน ตัวเครื่องบางน้อยกว่า 11 มม. และเบาเพียง 1 กิโลกรัม อินเทลคาดว่าจะมีเครื่องวางจำหน่ายในตลาดด้วยราคาเริ่มต้นที่ 199 เหรียญสหรัฐสำหรับเครื่องที่เป็นแบบฝาพับ 250 เหรียญสำหรับโน้ตบุ๊กหน้าจอสัมผัส และ 349 เหรียญสำหรับอุปกรณ์ทูอินวัน
สำหรับผลิตภัณฑ์ “เบย์เทรล-ดี” จะมีวางจำหน่ายสามรุ่นด้วยกัน คือ Intel Pentium J2850, Intel Celeron J1850 และIntel Celeron J1750 ซึ่งทั้งหมดมาในรูปของแพ็คเกจที่มีขนาดเล็กที่สุดของอินเทลสำหรับโปรเซสเซอร์เดสก์ทอป เพื่อใช้ผลิตเดสก์ทอปขนาดเล็กและไม่ต้องมีพัดลม สำหรับตลาดผู้ใช้ในระดับเริ่มต้น นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มที่มีการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง เช่น จอแสดงผลดิจิตอลอัจฉริยะ (intelligent digital displays) โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ระบบประหยัดพลังงาน สมรรถนะการทำงานที่เร็วกว่าเดิมถึงสามเท่า ระบบกราฟิกที่ดีขึ้นสูงสุดถึงสิบเท่า เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ลักษณะเดียวกันที่อินเทลเคยนำเสนอเมื่อ 3 ปีที่แล้ว สำหรับเครื่องชนิดเต็มรูปแบบที่ใช้โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ดังกล่าว คาดว่าจะมีวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 199 เหรียญสหรัฐ
Company Related Link :
Intel