“โอลิมปัส” ส่งกล้องมิลเรอร์เลส 2 รุ่นใหม่กระตุ้นตลาดให้ตื่นตัวมากขึ้น หวังรักษาความเป็นผู้นำตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากเดิม 40% ขึ้นเป็น 50% ชี้กล้องดีเอสแอลอาร์ในปัจจุบันเริ่มฟอร์มตกไม่มีเทคโนโลยีใหม่จึงต้องดันมิลเรอร์เลสเข้ามาแทนที่ เผยตลาดกล้องในครึ่งปีแรกไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ และครึ่งปีหลังก็น่าจะยังไม่ดีขึ้น แต่มั่นใจด้วยกล้องรุ่นใหม่นี้จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดตื่นตัวบ้าง พร้อมอัดงบการตลาด 90 ล้านบาทเพื่อสร้างกระแสเต็มที่
นายชินโช อิเคดะ กรรมการและผู้จัดการแผนกผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพ บริษัทโอลิมปัส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โอลิมปัสเปิดตัวกล้องมิลเรอร์เลสรุ่นใหม่ ล่าสุด 2 รุ่น ได้แก่ โอเอ็มดี อีเอ็ม 1 (OLYMPUS OM-D E-M1) และเพนไลท์ อีพีแอล 6 (OLYMPUS PEN EPL6) เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดกล้องถ่ายภาพในช่วงครึ่งปีหลังให้มีการตื่นตัวมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่นี้โอลิมปัสตั้งเป้าหมายว่า นอกเหนือไปจากการเข้ามาเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดกล้องคอมแพกต์เปลี่ยนเลนส์ ที่ปัจจุบันโอลิมปัสมีส่วนแบ่งอันดับ 1 อยู่ที่ประมาณ 40% แล้ว ยังจะสามารถเจาะเข้าไปสู่กลุ่มลูกค้าที่ใช้งานกล้องดีเอสแอลอาร์ได้อีกด้วย โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ 50% ในตลาดดังกล่าว
ปัจจุบันสัดส่วนตลาดในกลุ่มกลุ่มมิลเรอร์เลสปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 ตัว ดีเอสแอลอาร์ 150,000 ตัว กล้องคอมแพกต์มีการคาดการณ์ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากสภาพตลาดปัจจุบันลดลงอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันมีสัดส่วนที่ลดลง 30 เปอร์เซ็นต์ได้ แต่คาดการณ์ว่าน่าจะมียอด 700,000 - 800,000 ตัวในปีนี้
นายชินโชกล่าวว่า ปัจจุบันตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์อิ่มตัว เนื่องจากผู้ใช้งานที่กำลังจะเปลี่ยนกล้องได้หันมาสนใจกล้องแบบมิลเรอร์เลสมากกว่า เนื่องจากมีความเบาและสามารถตอบโจทย์มากกว่า รวมไปถึงในส่วนของกล้องดีเอสแอลอาร์เองไม่ได้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ขณะที่มิลเรอร์เลสมีนวัตกรรมใหม่ๆ มานำเสนออยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่โอลิมปัสจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และเป้าหมายของโอลิมปัส คือ การเปลี่ยนให้คนใช้ดีเอสแอลอาร์มาเป็นมิลเรอร์เลส
“ภาพรวมตลาดกล้องถ่ายภาพในครึ่งปีแรก ตลาดมีอัตราการเติบโตน้อยกว่าที่คาดไว้ และคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ตลาดก็จะยังไม่เติบโต เนื่องจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซาอยู่ แต่มั่นใจว่าหลังจากการเปิดตัว OM-D E-M1 รุ่นใหม่ดังกล่าวจะเป็นตัวกระตุ้นตลาดในกลุ่มมิลเรอร์เลสให้กลับมาได้ และครึ่งปีหลังเราจะดึงกลุ่มคนดีเอสแอลอาร์มาเข้าในกลุ่มนี้ให้มากขึ้น สำหรับในส่วนของกล้องคอมแพกต์ตลาดล่างที่ซบนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการเข้ามาของสมาร์ทโฟน ทำให้ตลาดในส่วนนี้ถูกชิงส่วนแบ่งไป ซึ่งโอลิมปัสไม่ได้มุ่งเน้นในตลาดนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบ”
โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 2 รุ่น แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มลูกค้าเดิมที่มีเลนส์อยู่แล้ว และกำลังมองหากล้องขนาดเล็กและเบาทนทาน คุณภาพเท่าดีเอสแอลอาร์ 2. กลุ่มลูกค้าทั่วไป ลูกค้าฐานใหม่ที่ต้องการกล้องเล็กและเบา 3. กลุ่มโปรเฟสชันนัล อาทิ สื่อมวลชน ที่ต้องการกล้องขนาดเล็ก เบา ตอบสนองทุกสภาวะ รวมไปถึงช่างภาพมืออาชีพที่ถ่ายสารคดี ต้องการกล้องที่มีฟังก์ชันทนทุกสภาวการณ์ ทนน้ำ ฝุ่น ความเย็น การถ่ายภาพกีฬา ต้องการความเร็วในการถ่ายภาพ เป็นต้น
“โอลิมปัสมีงบการตลาดในปีนี้รวม 150 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกใช้กับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเพนซีรีย์ไปบางส่วนแล้ว ดังนั้นในครึ่งปีหลังนี้จะใช้งบประมาณในการกระตุ้นตลาดมิลเรอร์เลสประมาณ 90 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 40% สำหรับการซื้อสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ การสื่อสารการตลาด ที่จะเน้นเชิงรุกมากขึ้นด้วยการสร้างกระแสในช่วงแรก สร้างการรับรู้ และเมนเทนตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่เหลืออีก 60% จะเป็นในส่วนของกิจกรรมการตลาด การสร้างซีอาร์เอ็มผ่านทางเวิร์กช็อปของโอลิมปัส”
โอเอ็มดี อีเอ็ม 1 (OLYMPUS OM-D E-M1 ) มาพร้อมกับ Live MOS sensor ใหม่ล่าสุด ที่มี On-chip Phase Detection AF และ TruePic VII Image Processor ใหม่ล่าสุด ซึ่งจะให้ภาพที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาของโอลิมปัสเมื่อเทียบกับบรรดาเลนส์ทั้งหมดในระบบ ZUIKO นอกจากนี้ ตัวกล้องก็สามารถใช้งานร่วมกันกับเลนส์ในระบบ Micro Four Thirds ได้ทุกรุ่น โดยมีความละเอียดสูงถึง 16.3 ล้านพิกเซล น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้น 49,990 บาท และเพนไลท์ อีพีแอล 6 (OLYMPUS PEN EPL6) ซึ่งเป็นกล้องมิร์เรอร์เลส รุ่นเล็ก ราคาเริ่มต้น 25,900 บาท
Company Related Link :
Olympus