“เอชพี” ส่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม HP Integrity ใหม่ลงตลาด หวังช่วยเพิ่มสมรรถนะการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission critical ที่เร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า ประหยัดต้นทุนการเป็นเจ้าของมากกว่า 33% ด้วยการใช้โปรเซสเซอร์ Intel Itanium 9500 series ส่งผลให้สมรรถนะในการประมวลผลเร็วกว่าผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์รุ่นเดิม แต่ประหยัดไฟกว่าถึง 21% มาพร้อมระบบปฏิบัติการ HP-UX และบริการสนับสนุนที่ช่วยประหยัดต้นทุนในการดำเนินงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เตรียมเจาะหน่วยงานภาครัฐและธุรกิจโทรคมนาคมที่เตรียมขึ้น 3G
นายรุ่งโรจน์ เมธีดุลสถิต ผู้จัดการธุรกิจ Business Critical Systems (BCS) กลุ่มธุรกิจเอ็นเทอร์ไพรส์ กรุ๊ป บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอชพีเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นการนำเสนอนวัตกรรมที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานและความปลอดภัย ตอบสนองความต้องการการทำงานที่มีความสำคัญระดับระดับ mission-critical ที่องค์กรต้องการใช้งานแอปพลิเคชันในการทำงานได้ดีขึ้น และเป็นหนึ่งในพอร์ตโฟลิโอ Integrity ของเอชพีที่จะตอบโจทย์การทำงานของลูกค้าได้ดี มีความยืดหยุ่น เพิ่มขีดความสามารถในการปรับขยายระบบที่สร้างความคุ้มค่าในการลงทุน พร้อมรองรับความต้องการระบบศูนย์ข้อมูลที่จะมีขึ้นในอนาคตได้
ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ HP Integrity ใหม่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Itanium 9500 series มีสมรรถนะในการประมวลผลเร็วกว่าผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์รุ่นเดิมถึง 3 เท่า และประหยัดไฟ 21% ช่วยให้ลูกค้ามีต้นทุนในการเป็นเจ้าของลดลง 33% และสำหรับลูกค้าที่มีเซิร์ฟเวอร์ชุดเดิมอยู่แล้วนั้น เอชพีจะช่วยให้สามารถนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าไปปรับใช้ร่วมกันได้ ช่วยให้การจัดการลดลง โดยในปีหน้านี้เอชพีเตรียมที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายภาครัฐ และวงการโทรคมนาคมที่กำลังขึ้นสู่ 3G ที่ต้องทำการปรับปรุงระบบให้ดีขึ้นลงทุนเพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้องลดราคาค่าบริการลง
เซิร์ฟเวอร์ HP Integrity ใหม่นี้ รองรับระบบปฏิบัติการ HP-UX, HP NonStop และ OpenVMS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความพร้อมและเสถียรภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น ด้วยฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ยังได้เตรียมขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ตระกูล x86 ที่รองรับการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission critical และมีระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกแบบเดี่ยวในสภาพแวดล้อมการทำงานบนระบบยูนิกซ์, ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ และลีนุกซ์
“เอชพีได้พัฒนา Mission Critical Server มากกว่า 35 ปีแล้ว โดยในขณะนี้ได้นำฟีเจอร์บางส่วนที่มีอยู่บนผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ลงมาในผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ตระกูล x86 ก่อนที่จะนำทั้งหมดลงมาใส่ในปี 2014 เพื่อให้สามารถรองรับการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission critical เน้นการรวมสิ่งต่างๆ ทั้งหมดไว้บนแพลตฟอร์มเดียวเพื่อให้สามารถรับงานของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ และทุกโอเปอเรชันซิสเต็ม ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนระบบได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำการหยุดระบบ สามารถปรับและขยายเพื่อรองรับงานในอนาคตได้ เพราะเอชพีเข้าใจว่าลูกค้าที่ซื้อสินค้าเอ็นเทอร์ไพรส์ไปแล้วไม่ได้เปลี่ยนบ่อยนัก และต้องการความเสถียรมากที่สุด”
นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ HP Integrity สามารถปรับขยายได้ดี เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ประกอบด้วย เซิร์ฟเวอร์ HP Superdome 2 ที่มีจำนวนคอร์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทำให้มีสมรรถนะในการปรับขยายระบบและมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น มีเสถียรภาพและความทนทานมากขึ้น และทำงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
เบลดเซิร์ฟเวอร์ HP Integrity ใหม่จำนวน 3 รุ่น เพื่อรองรับเซิร์ฟเวอร์ HP BladeSystem c-Class enclosure เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น โดยใช้ระบบไฟฟ้าจัดแบ่งและแยกระบบการทำงานเป็นรายเดียวในอุตสาหกรรมไอที และเซิร์ฟเวอร์ HP Integrity ระดับเริ่มต้น สำหรับใช้งานในสำนักงานสาขา หรือเพื่อขยายการดำเนินงาน โดยได้รับการรับรองภายใต้มาตรฐานการประหยัดไฟฟ้าจาก Energy Star นอกจากนี้ เบลดเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ยังมีความยืดหยุ่นสูง มีสมรรถนะในการใช้ระบบไฟฟ้าจัดแบ่งและแยกระบบการทำงานต่างๆ ได้อย่างดี โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นเอกภาพของข้อมูล โดยใช้หน่วยความจำแบบ dual in-line memory modules (DIMMS) ใหม่ที่กินไฟน้อย และมีประสิทธิภาพในการประมวลผลเพิ่มขึ้นจากการใช้โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่
ผลิตภัณฑ์เบลดเวิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ดังกล่าวประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ HP Integrity BL860c i4 ที่รองรับการขยายได้ถึง 2 ซ็อกเกต ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ HP Integrity BL870c i4 ที่รองรับการขยายได้ถึง 4 ซ็อกเกต และผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ HP Integrity BL890c i4 ที่รองรับการขยายได้ถึง 8 ซ็อกเกต นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เบลดเซิร์ฟเวอร์ HP Integrity rx2800 i4 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ระดับเริ่มต้นที่ได้รับการรับรองด้านการประหยัดพลังงานตามมาตรฐาน ENERGY STAR
นอกจากนี้ เอชพียังนำเสนอระบบปฏิบัติการ HP-UX รุ่นปรับปรุงใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการและการรักษาความปลอดภัย สามารถตรวจสอบการคุกคามได้เร็วขึ้น และใช้สอยทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่า ด้วยการทำงานได้อย่างอัตโนมัติ และสามารถปรับขยายได้อย่างเต็มที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้นด้วยฟีเจอร์ common log file ใหม่ที่สามารถตรวจจับการคุกคามได้เร็วกว่ารุ่นเก่าๆ ถึง 10 เท่า บริหารจัดการได้ง่ายด้วยระบบวิเคราะห์ใหม่ของ HP Capacity Advisor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยสามารถระบุเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในสถานะไม่ทำงานและมีการใช้งานน้อยไปหรือมากเกินไป และขยายการทำงานของระบบปฏิบัติการ HP-UX ภายในระบบศูนย์ข้อมูลเดียวกันเป็น 2 เท่า โดยติดตั้งคอร์สูงถึง 256 คอร์ต่อเซิร์ฟเวอร์แต่ละตัว
นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า เอชพียังได้จัดทำโครงการ HP Platform Advisory Workshop จัดเวิร์กชอปให้คำแนะนำและช่วยเหลือลูกค้าที่ต้องการวางแผนการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความสำคัญระดับ mission-critical หรือปรับเปลี่ยนจากระบบเซิร์ฟเวอร์แบบดั้งเดิมสู่ระบบเซิร์ฟเวอร์ HP Integrity ได้อย่างราบรื่น โดยจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้การช่วยเหลือด้านการย้ายระบบ และกำจัดความเสี่ยงให้บังเกิดประสิทธิผลสูงสุด ทั้งนี้ ภายหลังจากการเข้าร่วมเวิร์กชอปเสร็จสิ้นลูกค้าจะได้รับแบบพิมพ์เขียวแสดงแนวทางการปรับเปลี่ยนสู่ระบบ HP Integrity ใหม่ล่าสุดได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
นอกจากนี้ เอชพียังจัดทำระบบการคำนวณต้นทุนในการเป็นเจ้าของใหม่ สนับสนุนลูกค้าที่ต้องการการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical ให้สามารถประเมินต้นทุนในการเป็นเจ้าของในกรณีที่มีการใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิม และช่วยประเมินต้นทุนในการปรับเปลี่ยนไปใช้ระบบ HP Integrity ใหม่ได้ รวมไปถึงในส่วนของ หน่วยธุรกิจ HP Financial Services ซึ่งให้บริการทางการเงินและบริหารสินทรัพย์อย่างครบวงจรของเอชพี ทั้งทางด้านบริการเงินกู้ การเช่าซื้อ และการนำเครื่องเก่ามาแลกซื้อเครื่องใหม่ เพื่อช่วยลูกค้าให้สามารถปฏิรูปปรับเปลี่ยนจากระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมเป็นระบบ HP Integrity ใหม่ล่าสุดได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ
Company Related Link :
HP