xs
xsm
sm
md
lg

กรี๊ด แต๋ว แตก!!! เทยท่องเที่ยว...เงียบๆแต่แอ๊ปแรง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลายเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์อยู่พักใหญ่ สำหรับรายการท่องเที่ยวแนวใหม่ “เทย เที่ยว ไทย” ที่แม้จะเน้นความเฮฮาเป็นหลัก แต่สาระของสถานที่ท่องเที่ยวก็ยังมีอยู่ แต่จุดสำคัญก็คือ พิธีกรซึ่งเป็นเพศที่สาม ทำให้สังคมได้รู้บ้างว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีการท่องเที่ยวในแบบฉบับของตัวเอง และยิ่งในยุคปัจจุบันที่สังคมเปิดกว้างมากขึ้น ทุกคนก็ยิ่งได้แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา

การปรากฏตัวของเหล่าเพศที่สามนั้น ส่วนมากจะได้เห็นในรูปแบบเฉพาะตัว มาพร้อมกับสีสัน พฤติกรรม และศัพท์แสงอันเป็นคำเฉพาะกลุ่ม ที่มักจะกลายเป็นจุดเด่นขึ้นมาในทันทีที่พบเห็น

ด้วยพฤติกรรมการคิดรวบยอดของสังคมก็อาจมองเหมารวมไปว่า เพศที่สามจะต้องเที่ยวแบบแสงสี เช่นแหล่งเที่ยวราตรีย่าน อตก.หรือไม่ก็ย่านสีลม ซอย 2 ที่เป็นจุดศูนย์รวมของเหล่า ตุ๊ด เกย์ โบท ไบ จนถูกมองว่าเพศที่สามจะต้องเป็นในรูปแบบนี้เสมอไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนเหล่านี้ก็มีพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ต่างจากชายจริงหญิงแท้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ท่องเที่ยวแบบผจญภัย การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การเข้าไปช่วยเหลือชุมชน และรวมไปถึงการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน


ด้วยในสมัยก่อนนั้นช่องทางการรับรู้ข้อมูลข่าวสารยังมีน้อย ประกอบกับข้อจำกัดทางด้านสังคม ทำให้ผู้คนเข้าใจในตัวตนของเพศที่สามน้อยมาก โดยเฉพาะในเรื่องการท่องเที่ยว จนกระทั่งเกิดรายการ “เทย เที่ยว ไทย” ออกมาเผยแพร่ ทำให้สถานที่ท่องเที่ยว และรูปแบบการท่องเที่ยวของเพศที่สามไม่ได้จำกัดอยู่แค่ย่านแสงสียามราตรีเท่านั้น

ชานนท์ เครือด้วง ประธานกลุ่มดินสอสีรุ้ง กลุ่มจิตอาสาที่มุ่งเน้นการสร้างกำลังใจในการใช้ชีวิตที่ดี กล่าวว่า ท่องเที่ยวนั้นมีหลากหลายรูปแบบ แต่ตนและเพื่อนๆนั้นได้มีความคิดไปในอีกทางหนึ่งก็คือ นอกจากไปเที่ยวเพื่อหาความสุขใส่ตัวเองแล้ว การไปเที่ยวพร้อมกับสร้างความสุขให้กับผู้อื่นด้วยนั้นน่าจะมีความสุขและความประทับใจมากขึ้นไปอีก

“การไปเที่ยวก็คือการไปเที่ยว แต่ในขณะเวลาที่เที่ยวนั้นเราได้ทำอะไรไปบ้าง บางคนประทับใจในสถานที่ไปเที่ยว แต่ในกลุ่มดินสอสีรุ้งที่ได้ไปเที่ยวนั้นเราได้ไปพบปะกับเด็กๆ และร่วมกันทำกิจกรรมทำให้เกิดความสุขของทั้งสองฝ่ายได้เป็นผู้รับทั้งคู่ คือเราได้ทั้งไปเที่ยวและได้รับรู้ถึงความสุขของเด็กๆ ที่ได้ร่วมทำกิจกรรมกับเรา ส่วนเด็กๆ ได้ร่วมกิจกรรมและเป็นความสนุก ซึ่งก็ทำให้เกิดเป็นความประทับใจแก่ทั้งสองฝ่าย”

การท่องเที่ยวแบบจิตอาสา ผสานกับการช่วยเหลือชุมชนของกลุ่มคนเพศที่สามนั้น เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้สังคมเกิดการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น ด้วยว่า ชาวเพศที่สามนั้นมีความสามารถในการเข้ากับคนได้ทุกเพศทุกวัย และมีวาทศิลป์ที่เป็นเอกลักษณ์ โน้มน้าวใจให้คนเข้าร่วมกิจกรรมได้มากกว่า

สำหรับแนวคิดที่ว่า การท่องเที่ยวเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศ ผศ.ดร.จุฑามาศ วิศาลสิงห์ ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท สาขาการจัดการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้กล่าวไว้ในงานสัมมนา “กลยุทธ์สู่การเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต” ว่า กลุ่มเพศที่สามนี้ เป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวในอันดับต้นๆ โดยที่พวกเขาเหล่านั้นใช้เงินในการท่องเที่ยวมาก เนื่องจากจะเห็นได้ว่าเพศที่สามนี้เป็นกลุ่มคนที่มีจุดเด่น และส่วนมากจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ไม่มีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู จึงได้ใช้เงินไปหาความสุขใส่ตัวเพื่อให้รางวัลกับตัวเอง เป็นผลให้มีการใช้เงินไปในด้านการท่องเที่ยวมากกว่ากลุ่มวัยรุ่นหรือกลุ่มครอบครัว ซึ่งไม่ว่าในประเทศใดก็จะเป็นในลักษณะนี้ นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมกลุ่มเพศที่สามจึงทำรายได้อย่างมากให้กับประเทศจากการท่องเที่ยว

และด้วยจากกระแสที่มาแรง (อย่างเงียบๆ) ในยุคปัจจุบัน โรงแรมและรีสอร์ตหลายๆ แห่งจึงมีการพัฒนาห้องพักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มนี้โดยเฉพาะ แต่ก็อาจจะยังไม่เปิดเผยให้รับทราบกันโดยทั่วไป เนื่องด้วยอาจจะมีคนบางกลุ่มในสังคมที่ไม่ชอบ หรือไม่เห็นด้วยกับกลุ่มเพศที่สาม แม้ว่าสังคมปัจจุบันจะเปิดกว้างมากขึ้นก็ตาม

ขณะที่ในงานสัมมนา “ไทยยังอเมซิ่งอยู่จริงหรือ” ที่จัดผ่านมาพักใหญ่ ได้มีประเด็นคำถามที่ว่า เลดี้บอยในสายตาชาวต่างชาติเป็นอย่างไรบ้างในแง่การท่องเที่ยว คำตอบที่ได้ก็คือ ชาวต่างชาติให้การยอมรับในกลุ่มคนเพศที่สามของไทย และเป็นที่รับรู้กันว่า ไม่มีที่ใดที่จะทำให้ผู้ชายกลายเป็นหญิงสาวแสนงามได้เท่ากับเมืองไทย

และด้วยความเปิดกว้างมากขึ้นของสังคม ทำให้สื่อต่างๆ มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเพศที่สามมากขึ้น อาทิ รายการ “เทย เที่ยว ไทย” รายการโทรทัศน์ต่างๆ ภาพยนตร์ ละคร หรือแม้กระทั่งสื่อทางโซเชียลมีเดีย เช่น แฟนเพจแม่บ้านมีหนวด บนเฟซบุ๊ค ที่สร้างกระแสความนิยมได้อย่างมาก นอกจากจะได้ความเพลิดเพลิน สนุกสนานแล้ว ก็ยังมีสาระความรู้ผสมอยู่ด้วย อันเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างให้คนเหล่านี้ได้แบ่งปันไปสู่สังคมวงกว้าง

ด้วยความเป็นจริงของคำว่า “ท่องเที่ยว” ก็คือการไปไหนเพื่อความเพลิดเพลินตามสบาย เตร็ดเตร่ไปเพื่อหาความสนุกเพลิดเพลินตามที่ต่างๆ แต่ด้วยการเป็นเพศที่สามจึงได้รับความสนใจและในปัจจุบัน สังคมได้เปิดกว้างในเรื่องนี้จึงทำให้เราได้พบเห็นได้มากขึ้นในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะไปกลุ่มหรือเดี่ยว แต่อย่างไรคนเราทุกคนก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่สามารถที่จะจำกัดได้ว่าใครห้ามไปที่ใด เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นเพศที่ 3 ก็สามารถไปเที่ยวได้ทุกที่และในอนาคตต่อไปข้างหน้าก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับสังคมอีกต่อไป


เรื่องโดย ทีมข่าวท่องเที่ยว ผู้จัดการรายวัน





กำลังโหลดความคิดเห็น