อินเทลเผยยอดขายโน้ตบุ๊กของตลาดรวมไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เหตุจากรถคันแรกแย่งกำลังซื้อไปหมด เผยเทรนด์ปีหน้าระบบสัมผัสจะมาแรงเนื่องจากผู้ผลิตต่างมุ่งไปสู่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ราคาอัลตราบุ๊กและแท็บเล็ตจะปรับลดลง ส่วน Window 8 จะช่วยกระตุ้นตลาดและทำให้ยอดขายโน้ตบุ๊กทะยานขึ้นสู่ 4.5 ล้านเครื่อง ด้านตลาดองค์กรและการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจะเข้าสู่คลาวด์มากขึ้น และจะทำให้ปี 2015 มีการใช้คลาวด์ถึง 3,000 ล้านคน
นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ตลาดรวมของโน้ตบุ๊กอยู่ที่ 4.1 ล้านเครื่อง หรือเติบโตเพียง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มียอดขายอยู่ที่ 3.9 ล้านเครื่อง แต่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 4.5 ล้านเครื่อง เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลในส่วนของโครงการรถคันแรกที่มาดึงกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมายไปหมด ดังนั้นคาดว่ายอดขายรวมของตลาดโน้ตบุ๊กจะกลับมาอยู่ที่ 4.5 ล้านเครื่องในปีหน้า หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปีนี้ โดยคอมพิวเตอร์จะมีสัดส่วนของระบบสัมผัสมากขึ้น
“ปี 2556 จะเป็นปีที่ผู้บริโภคคุ้นเคยกับประสบการณ์ระบบสัมผัสที่จะกลายเป็นคุณลักษณะหลักในโน้ตบุ๊กและออลอินวันพีซี ก่อนจะเข้าสู่เทคโนโลยีการสั่งงานด้วยเสียงและท่าทาง และจะกลายเป็นที่ต้องการในฐานะวิธีใหม่ๆ ที่จะปฏิสัมพันธ์กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมถึงพีซี ซึ่งการออกระบบปฏิบัติการ Window 8 จะยิ่งทำให้หน้าจอสัมผัสได้รับความนิยมมากขึ้น และจะได้เห็นในหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกับอัลตราบุ๊กในปีหน้าที่คาดว่าจะเป็นรูปแบบของทัชสกรีนทั้งหมด ในขณะที่ราคาจะเริ่มลดลงเรื่อยๆ”
ทางด้านแท็บเล็ตจะได้รับการปรับปรุงเรื่องขุมพลังและประสิทธิภาพจนกลายเป็นที่นิยมในที่ทำงาน ผู้ใช้จะเปลี่ยนจากการใช้งานประเภทเดียวเป็นการทำงานได้หลายประเภทในเวลาเดียวกัน รวมไปถึงในส่วนของราคาของแท็บเล็ตทั้งในส่วนของระบบปฏิบัติการวินโดวส์และแอนดรอยด์ จะมีการปรับลดลงมาในบางรุ่นเหลือราคาไม่ถึง 10,000 บาท ดังนั้นคาดว่าตลอดทั้งปีจะมียอดขายอยู่ที่ 3 ล้านเครื่อง และตลาดส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในส่วนคอนซูเมอร์มากกว่า 60% ที่เหลือเป็นตลาดอื่นๆ
“โครงการแท็บเล็ตของภาครัฐนั้นไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการใช้งานเพิ่มขึ้นเท่าใดนัก แต่จะส่งผลต่อผู้ปกครองของนักเรียนที่จะได้เห็นถึงประโยชน์ในการใช้งานมากกว่า เรียกได้ว่าปีหน้าแท็บเล็ตจะเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานและเป็นส่วนหนึ่งของตลาด ซึ่งข้อมูลจากการ์ทเนอร์ระบุว่า ภายในปี 2558 ยอดการจำหน่ายแท็บเล็ตจะคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของโน้ตบุ๊ก”
นายเอกรัศมิ์กล่าวว่า ในขณะที่อัตราการใช้โทรศัพท์มือถือสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งเอเชีย อินเทลจึงเชื่อว่าสิ่งนี้จะผลักดันให้ผู้คนได้สร้างสรรค์ แชร์ และบริโภคข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา และจะส่งผลให้การใช้ข้อมูลในปริมาณที่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้จะยังกระทบไปถึงการใช้คลาวด์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่คาดว่าจะมีแนวโน้มการใช้งานที่สูงขึ้น และบริษัทต่างๆ จะเริ่มมองหาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นในการรับมือกับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และแอปพลิเคชันที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งอินเทลมองว่าปี 2015 จะมีการใช้คลาวด์ถึง 3,000 ล้านคน
Company Relate Link :
Intel