โนเกียซีเมนส์ยันติดตั้งอุปกรณ์โครงข่ายทีโอที 3G แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนตามกำหนดที่วางไว้ มอง 5 ปีที่ผ่านมาตลาดรวมไอทีไทยสูญเสียรายได้ไม่ต่ำกว่า 40% จากการที่ไม่เกิด 3G ในประเทศ
นายกฤติกา มหัทธนกุล ประธานกลุ่มธุรกิจเอเชียเหนือ บริษัท โนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์ก (ประเทศไทย) กล่าวว่า โนเกียซีเมนส์เดินหน้านำเข้าอุปกรณ์เพื่อติดตั้งตามแผนงานที่วางไว้ในพื้นที่รับผิดชอบของโครงข่าย 3G ทีโอทีทั่วประเทศ
"โนเกียซีเมนส์มีพื้นที่รับผิดชอบในบริเวณกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง และภาคตะวันตก ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 6 เดือนนับจากวันที่เซ็นสัญญา ซึ่งขณะนี้กำลังเดินหน้าไปตามกรอบที่วางไว้ ซึ่งในเรื่องของการขออนุญาตินำเข้าอุปกรณ์เครือข่ายนั้นทางทีโอทีได้ขออนุญาติตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแล้ว จึงยืนยันว่าไม่มีปัญหาแน่นอน"
โดยโนเกียซีเมนส์ ถือเป็นหนึ่งในซัปพลายเออร์หลักของเอสแอล คอนซอร์เตียมของบริษัท สามารถ คอมมิวนิเคชั่น เซอร์วิส และ บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ ไวร์เลส รับหน้าที่สร้างระบบโครงข่ายหลัก (Core Network) ระบบสถานีฐาน (UTRAN) จำนวน 2,143 แห่ง ระบบสื่อสัญญาณ (Transport Network) ระบบบริหารจัดการโครงข่าย (OSS) ระบบบริการเสริมพื้นฐาน (VAS) ระบบสนับสนุนการให้บริการ (Business Support System) รวมทั้งการติดตั้งอุปกรณ์และการจัดเตรียมสถานที่ (Site Preparation) และ อุปกรณ์สนับสนุนและบำรุงรักษาโครงข่าย
ส่วนรายได้หลักของธุรกิจโนเกียซีเมนส์ในปีนี้ จะมาจากการขยายโครงข่าย 3G ของทีโอทีเป็นหลัก ร่วมกับธุรกิจต่อเนื่องกับเอไอเอสไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง 2G ที่ยังมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นทำให้ต้องมีการขยายสถานีฐานเพื่อรองรับลูกค้าที่เติบโต แต่โนเกียซีเมนส์ไม่ได้เข้าไปร่วมในการอัปเกรดเครือข่าย 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz ของเอไอเอส
'ภาพตลาดของประเทศไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีการอัปเกรดเทคโนโลยี ทำให้เสียอัตราการเติบโตของตลาดรวมไอทีไม่ต่ำกว่า 40% ทำให้จากมูลค่าตลาด 5 ปีที่แล้วจาก 4 - 5 หมื่นล้านบาท ลดลงมาอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น'
เฉพาะโนเกียซีเมนส์มีรายได้รวมในปี 2010 อยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าถ้าประเทศไทยมีการลงทุน 3G พร้อมประมูลไลเซนส์อย่างเต็มตัวจะช่วยผลักดันให้รายได้ทะยานขึ้นไปสู่ระดับ 1 หมื่นล้านบาทต่อปีเหมือนเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่คาดว่ารายได้ของโนเกียซีเมนส์ในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาราว 25% โดยแบ่งเป็นครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโต 20% เทียบกับครึ่งแรกของปีที่ผ่านมาและครึ่งปีหลังมีอัตราการเติบโตราว 30%เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
"ในเมืองไทยโนเกียซีเมนส์ยังมีส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับ 1 ซึ่งนับจากทั้งสถานีฐาน ทั่วประเทศยกเว้นกรุงเทพฯ จากโอเปอเรเตอร์หลักอย่างเอไอเอส ดีแทคที่มีการลงทุนสถานีฐานไปก่อนหน้านี้แล้ว"
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้โนเกียซีเมนส์ มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดคือการควบรวมกิจการกับโมโตโรล่าทำให้กลายเป็นผู้จำหน่ายระบบเครือข่ายไร้สายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และใหญ่เป็นอันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา แต่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการควบรวมกับโมโตโรล่าทำให้โนเกียซีเมนส์แข็งแกร่งมากขึ้นเพราะโมโตโรล่าเป็นผู้นำในตลาดอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งทั้ง 2 ตลาดหลักคิดเป็นสัดส่วนถึง 35% ของตลาดโลก
"ในประเทศไทยมีการย้ายพนักงานของโมโตโรลาในส่วนของเซอร์วิสจำนวน 66 คน มาอยู่ภายใต้โนเกียซีเมนส์เรียบร้อยแล้วเมื่อ 30 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีปัญหาในการปรับย้ายพนักงานแต่อย่างใด"
Company Related Link :
Nokiasiemens