เจ้าพ่อขบวนการร่อนอีเมลขยะนามอลัน ราลสกี้ (Alan Ralsky) วัย 64 ปีและพวกอีก 6 คนถูกตัดสินให้รับโทษจำคุก 4 ปีพร้อมค่าปรับ 250,000 เหรียญ ฐานต้มตุ๋นหลอกลวงนักลงทุน ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ว่าโทษจำและปรับนี้น้อยเกินไป เพราะเนื่องจากเหยื่อที่ถูกต้มตุ๋น ชาวเน็ตตาดำๆและธุรกิจทั่วโลกยังต้องสูญเสียทั้งเงินและเวลาซึ่งคิดเป็นตัวเงินแล้วมากกว่าค่าปรับหลักแสนเหรียญมากนัก
อลัน ราลสกี้กับพวกนั้นร่วมกันทำกำไรโดยไม่ชอบจากการใช้อีเมลขยะสร้างกระแสเพื่อปลุกปั่นราคาหุ้น นักลงทุนที่ไม่รู้จึงตกเป็นเหยื่อและสูญเงินมากน้อยต่างกันไป จุดนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ราลสกี้และพวกนั้นนอกจากจะมีความผิดฐานล่อลวงเงินจากนักลงทุนแล้ว ยังเป็นผู้ที่ส่งเสริมให้ตลาดซื้อขายซอฟต์แวร์ส่งอีเมลขยะขยายตัวไปในวงกว้าง ซึ่งส่งให้คอมพิวเตอร์พีซีจำนวนมากถูกปั่นป่วน เสียหายทั้งเวลาและโอกาสในการทำงานซึ่งล้วนเป็นเงินเป็นทองทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ต้องหาที่ยังไม่ถูกจับกุมอีก 2 ราย และยังไม่มีรายงานว่าเจ้าพ่ออีเมลขยะจะยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลอย่างไรในอนาคต
สถานการณ์อีเมลขยะทั่วโลกขณะนี้ยังอยู่ในระดับร้ายแรง โดยปริมาณอีเมลขยะนั้นคิดเป็น 86% ของจำนวนอีเมลรวมที่ถูกส่งไปมาบนโลกอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกัน บริษัทวิจัย Ferris Research ได้ประมาณการณ์ไว้ว่าอีเมลขยะนั้นทำให้บริษัทองค์กรทั่วโลกต้องสูญเงินรวม 130,000 ล้านเหรียญต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่คำนวณจากหลายปัจจัย ทั้งโอกาสในการทำงานของบุคลากรที่หายไปเมื่อต้องลบอีเมลขยะ ค่าเสื่อมของระบบคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้ไปกับการรับส่งอีเมลขยะที่ไร้ประโยชน์ เป็นต้น
เฉพาะในสหรัฐฯ คาดว่าอีเมลขยะจะทำให้บริษัทองค์กรสูญเงินไปมากกว่า 42,000 ล้านเหรียญในปีนี้
มีการประเมินว่า เงินทุนที่ชาวอเมริกันใช้จ่ายเพื่อจัดการอีเมลขยะโดยเฉพาะนั้นคิดเป็นเงิน 13.63 เหรียญสหรัฐต่อปีต่อคน ทั้งหมดนี้ สื่อสหรัฐฯจึงมองว่าการส่งอีเมลขยะนั้นถือเป็นอาชญากรรมต่อสังคมในวงกว้าง ซึ่งรัฐบาลควรเพิ่มโทษให้มากกว่าการจำคุก 4 ปีและปรับเงินเพียง 250,000 เหรียญ คิดเป็นเงิน 8,750,000 บาท
ขอบคุณภาพข่าวจาก telegraph.co.uk