เอชพีเผยกลยุทธ์ใหม่ ชูความเป็นผู้นำตลาดงานพิมพ์สำหรับองค์กร ด้วย 3 แนวทางหลัก People, Partnership และ Portfolio ผ่าน Print 2.0 ย้ำภาวะเศรษฐกิจไม่กระทบยอดขาย
นายสมชัย สูงสว่าง ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์และผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากที่เอชพีได้ประกาศใช้กลยุทธ์ Print 2.0 โดยได้ทยอยแนะนำกลยุทธ์ดังกล่าวเข้าสู่ตลาดในกลุ่มต่างๆ ไปแล้วตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป และกลุ่มเอสเอ็มบี วันนี้เอชพีได้ประกาศความเป็นผู้นำในธุรกิจภาพและการพิมพ์สำหรับองค์กรด้วยการขยายสายผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยลูกค้าองค์กรสร้างแผนงาน Print 2.0 ที่จะช่วยองค์กรบริหารจัดการ รักษา และทำให้สภาพแวดล้อมการพิมพ์งานคล่องตัวยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ยังช่วยพัฒนาการดำเนินงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย และยกระดับประสิทธิภาพงานการพิมพ์ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความท้าทายขององค์กรขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในภาวะปัจจุบันที่ต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรส่วนใหญ่คำนึงถึงเป็นอันดับแรก
กลยุทธ์หลักของเอชพีสำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรมีดังนี้ คือ 1. People 2. Partnership และ 3. Portfolio
People หมายถึง การเพิ่มจำนวนทีมงานทั้งในส่วนการขายและการบริการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อจะเข้าไปให้คำปรึกษาในด้านของการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมการพิมพ์ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Partnership หมายถึง ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับคู่ค้าในการพัฒนาโซลูชันที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละประเภท และ Portfolio หมายถึง การที่เอชพีมีผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันพร้อมโซลูชันที่จะช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการการพิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย
เอชพีจะมุ่งนำเสนอโซลูชันงานพิมพ์ภายใต้สามแนวทาง คือ Optimize Infrastructure, Manage Environment และ Improve Workflow ซึ่งแนวทางนี้สืบเนื่องมากจากความท้าทายต่างๆ ที่เอชพีเล็งเห็นในองค์กรขนาดใหญ่ เช่น การที่องค์กรเหล่านั้นขาดการวางแผนบริหารจัดการงานพิมพ์แบบรวมศูนย์กลาง ทำให้ไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับงานพิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะลักษณะการดำเนินงานขององค์กรขนาดใหญ่จะมีความซับซ้อนจากการที่มีหลายหน่วยงานที่ใช้งานการพิมพ์และไม่มีการติดตามต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการพิมพ์ในแต่ละแผนก
เอชพีกำลังนำเสนอแผนงาน Print 2.0 แก่ลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ภายใต้ 3 แนวทางดังกล่าว เพื่อให้องค์กรสามารถบริหารจัดการสภาพแวดล้อมการพิมพ์ให้สามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยเอชพีได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมโครงการต่างๆ สำหรับคู่ค้าเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
กลยุทธ์ Print 2.0 จะทำให้เอชพีเป็นผู้นำในธุรกิจได้อย่างยั่งยืน จากรายงานของไอดีซี ในปี 2550 เอชพีมีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเอสเอ็มบี 44% และเติบโตจากปีก่อน 23% ในกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่นั้น เอชพีมีส่วนแบ่งการตลาด 59% เติบโตจากปีก่อน 31%
ในส่วนของตลาดเครื่องพิมพ์เลเซอร์ทั้งหมด (ซิงเกิลฟังก์ชันและมัลติฟังก์ชัน) เมื่อรวมทั้งกลุ่มเอสเอ็มบีและกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่นั้น เอชพีมีส่วนแบ่งการตลาด 46% เติบโตจากปีก่อน 10% และหากนับเฉพาะเครื่องพิมพ์เลเซอร์สีอย่างเดียวทั้งกลุ่มเอสเอ็มบีและกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ เอชพีมีส่วนแบ่งการตลาด 59% เติบโตจากปีก่อน 24%
เอชพียังเปิดโครงการ HP Solutions Business Partner Programme (SBP) สำหรับบริษัทที่มีโซลูชันที่สามารถผสมผสานและทำงานร่วมกับสินค้าของเอชพี เพื่อช่วยแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ของการทำธุรกิจ SBP ให้ประโยชน์ต่างๆ แก่คู่ค้าของเอชพี
โครงการ HP Office Printing Channel Programme ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คู่ค้าสามารถเพิ่มกำไรและรายได้จากการขายผ่านทางการเข้าถึงสายผลิตภัณฑ์ภาพและการพิมพ์ของเอชพี โดยโครงการนี้ครอบคลุมฮาร์ดแวร์ บริการ โซลูชัน และซัปพลาย ดึงดูดพันธมิตรใหม่ๆ ในตลาดใหม่ เช่น ตลาดเครื่องถ่ายเอกสาร นอกจากนี้ยังมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมแนวตั้ง (vertical industries) เช่น อุตสาหกรรมการผลิต บริการทางการเงิน และหน่วยงานเอกชน
เอชพียังเปิดตัวเวอร์ชันล่าสุดของ HP Universal Print Driver 4.5 (UPD) ที่ช่วยลูกค้าองค์กรใช้ไดร์ฟเวอร์ชนิดเดียวกับอุปกรณ์การพิมพ์ในรุ่น HP LaserJet ทุกชนิด นอกจากนี้ยังมีโซลูชัน HP Controlled Cost Printing ช่วยให้สามารถจัดการและติดตามค่าใช้จ่ายจากการพิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โซลูชัน HP Account Opening Solution ช่วยพัฒนากระบวนการประเมินผลข้อมูล เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการบัญชีจำนวนมากได้ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีการธนาคาร การสื่อสาร หรือสาธารณูปโภค โซลูชัน HP Output Management ช่วยลูกค้าปรับปรุงประสิทธิภาพขั้นตอนการประมวลผลเอกสารและข้อมูล
นายสมชัยกล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทำให้ลูกค้าในกลุ่มคอนซูเมอร์อาจต้องระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แต่สำหรับเอชพีแล้วการเติบโตด้านยอดขายในไตรมาส 2 ที่ผ่านมายังมีการเติบโตที่ดี ในขณะที่ตลาดองค์กรขนาดใหญ่ หรือภาครัฐก็ยังไม่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะรัฐบาลมีการกระตุ้นการใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐ ในส่วนของเอชพีจะต้องสร้างให้เกิดความสมดุลของสินค้าที่มีอยู่อย่างหลากหลาย
“ในปีนี้เราจะทำการตลาดไปยังลูกค้าทุกกลุ่มผ่านกลยุทธ์ Print2.0 โดยเจาะไปในแต่ละเซกเมนต์ เช่น ทำตลาดกับกลุ่มคอนซูเมอร์ กลุ่มเอสเอ็มบี และในวันนี้เรากำลังเจาะไปยังกลุ่ม Enterprise และ Commercial โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อตอบสนองความต้องการด้านงานพิมพ์ของผู้บริโภคอย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยแอปพเคชั่นต่างๆของเอชพี”
Company Related Links :
HP