"บิ๊กโจ๊ก" หอบหลักฐานแจง ปปป.คดีสินบน ป.ป.ช. อ้างเสียใจถูกหักหลัง เผยเดือดร้อนเพราะลูกน้องคนนี้ไปพัวพันเว็บพนันมินนี่ หนำซ้ำกลับแปรพักต์มาแฉอีก ยันเข้าใจคงหวังกลับเข้าราชการอีกครั้งยืนยันจะสู้คดีให้ถึงที่สุด
วันนี้ ( 29 ธ.ค.) ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย นายสัญญาภัชระ สามารถ ทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อนำเอกสารหลักฐานคดีติดสินบนทองคำแท่งจำนวน 246 บาท ให้ ป.ป.ช.
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กล่าวว่าวันนี้ได้นำเอกสารหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม และยังยืนยันให้การปฏิเสธในข้อหาสินบนทองคำแท่งให้กรรมการ ป.ป.ช.รายหนึ่ง เพราะตนไม่เคยเอาของใคร หรือสั่งใครให้เอาทองไปให้ใคร แต่เมื่อถูกลูกน้องตัวเองกล่าวหา ก็ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กล่าวต่อว่า ตนขอตั้งข้อสังเกต ว่าการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน อาจจะไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีการแจ้งข้อหากับผู้ที่มากล่าวหา ตามคำที่อ้างว่าตนเป็นคนสั่งให้นำทองคำไปมอบให้ผู้อื่นนั้น เพราะตัวของผู้กล่าวหาก็จะต้องมีความผิด แต่กลับมีการดำเนินคดีเฉพาะตนเท่านั้น ซึ่งตนยังไม่ทราบเลยว่ามีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้มาตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม และมีการแจ้งความไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา เพราะตามหลักที่ตนทำงานมานั้นจะต้องมีการแจ้งความก่อนแล้วค่อยตั้งคณะพนักงานสอบสวน แต่ทำไมถึงมีการตั้งคณะทำงานก่อนที่จะมีการแจ้งความตนเอง
"ทุกวันนี้ที่ผมเดือดร้อน ก็เพราะมาจากเรื่องลูกน้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องกับเว็บพนันมินนี่ มีการไปยืมเงิน-โอนเงิน แล้วก็ทำใหัเดือดร้อนมาถึงผม ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องไม่มีใครถูกให้ออกจากราชการ นอกจากผมเพียงคนเดียวที่ถูกให้ออก ส่วนลูกน้องแค่ถูกสั่งพักราชการเท่านั้น ทั้งที่ผมนั้นถือเป็นแถว 3 แถว 4 ไม่ได้เป็นตัวการอะไร แต่ทำไมกระบวนการจัดการมันเร็วมากเลย จึงขอให้ตั้งข้อสังเกตด้วย เพราะมันไม่ยุติธรรมสำหรับผม"พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กล่าว
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ได้ติดต่อกับลูกน้องคนนี้มาปีกว่าแล้ว ซึ่งก็ทราบว่าเขาไม่พอใจ มีอะไรโกรธเคือง เชื่อว่าน่าจะมาจากกรณีที่ตนไปไลฟ์สดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง มินนี่กับตัวเขา จนทำให้เขาไม่พอใจ เพราะทำให้เรื่องไปกระทบถึงครอบครัวของเขาด้วย แต่ตนเองก็ต้องพูดความจริงให้สังคมรับรู้ เชื่อว่านี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาออกมาฟ้องตนเองแบบนี้
"ส่วนตัวแล้วผมมองว่าพวกเขาอาจจะไปฟังคำพูดของใครหรือไปหลงผิดอะไรมาหรือไม่ ว่าจะมีคนพากลับเข้ารับราชการ ผมแค่อยากถามลูกน้องกลับว่า มั่นใจหรือว่าจะกลับเข้ารับราชการได้อีก ถึงทำแบบนี้ มั่นใจหรอว่าจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ หรือถูกทิ้งเอาไว้กลางทาง" อดีต รองผบ.ตร.กล่าวและว่า ยืนยันว่าไม่ได้โกรธเคืองลูกน้องที่หลงไปเชื่อใคร ที่ผ่านมาวงการตำรวจเค้ารู้ดีว่าตนเลี้ยงลูกน้องดีมาตลอด ต้องยอมรับว่าเสียใจ แต่ก็ไม่ตำหนิใคร เพราะเข้าใจว่าทุกคนต้องเอาตัวรอด แต่ว่าการเอาตัวรอดไม่ควรทำแบบนี้ ส่วนจะแฉอะไรอีกก็ตามสบาย เพราะตนจะสู้ตามกระบวนการกฎหมายต่อไป


