ผบก.น.2 เผยอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานออกหมายจับมือยิงหนุ่มขับเก๋งเสียชีวิตบนทางด่วน พบมีหมายจับคดีพยายามฆ่าปี 67 ล่าสุดเจอรถ “เวลไฟร์” คันก่อเหตุจอดทิ้งในโรงแรม จ.นครปฐม
จากกรณีคนร้ายขับรถยนต์โตโยต้า รุ่นเวลไฟร์ สีขาว ทะเบียน 2กผ 7778 กทม. ประกบยิงคนขับรถยนต์โตโยต้า อัลติส เสียชีวิตบนทางพิเศษศรีรัช ย่านประชาชื่น สาเหตุเกิดจากขับปาดหน้ากันก่อนถึงด่านเก็บเงิน เมื่อถึงการเก็บเงินต่างคนต่างเข้าคนละช่อง แต่รถผู้ก่อเหตุจ่ายเงินแล้วชะลอรถ ก่อนใช้ปืนยิง 3 นัด แล้วขับหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (23 ธ.ค.) พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.2 เปิดเผยความคืบหน้าว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้าย ตอนนี้ที่ดำเนินการอยู่ได้เชิญพยานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้ายก่อนเกิดเหตุมาสอบปากคำ และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอศาลออกหมายจับ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
พล.ต.ต.เกียรติกุล เปิดเผยอีกว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง เพราะเมื่อเช้าที่ตนไปตรวจสถานที่เกิดเหตุได้สอบถามพยานที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีความไม่พอใจขณะขับรถ แต่ประเด็นอื่นก็ยังไม่ตัดทิ้ง เบื้องต้นผู้ก่อเหตุกับผู้เสียชีวิตไม่พบความสัมพันธ์ว่ามีความเกี่ยวข้องกันมาก่อน
จากการสอบปากคำพยานในเบื้องต้นให้การว่า ได้นัดกันไปสังสรรค์ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี กับเพื่อน 4 คน รวมผู้ก่อเหตุ จากนั้นขับรถกลับมาส่งเพื่อน หลังจากกลับจากส่งเพื่อนเสร็จแล้วเหตุที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการขับรถกลับ ซึ่งพบกันบริเวณหน้าด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง โดยมีรถตู้เวลไฟร์ขับเปลี่ยนเลนกะทันหัน พยายามจะเปลี่ยนช่องทางเบี่ยงขวา ส่วนอีกคันขับมาทางตรง ทำให้จะต้องเบี่ยงออกทางซ้าย คล้ายๆ ปาดหน้ากัน เมื่อไปจอดจ่ายเงินชำระค่าผ่านทางบริเวณด่านในช่องทางใกล้กันได้มีการลดกระจกมองหน้ากันก่อนเกิดเหตุขึ้น
ทั้งนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุอยู่ ส่วนหมายจับอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับ เดิมผู้ก่อเหตุมีหมายจับในข้อหาพยายามฆ่าเมื่อปี 2567 ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี
ต่อมา เวลา 19.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล และตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม ได้เข้าอายัดรถคันดังกล่าว ซึ่งผู้ก่อเหตุขับมาจอดไว้ในโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์หลักฐาน เนื่องจากไม่สามารถเปิดประตูได้
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า การตรวจค้นดังกล่าวต้องใช้ความระมัดระวังขั้นสูง เพราะผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืน ทั้งนี้คาดว่า ทิ้งรถไว้แล้วขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีไปทางพระประโทน-บ้านแพ้ว แล้ว


