"บิ๊กโจ๊ก"โร่พบกองปราบรับทราบข้อกล่าวหาคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งความหมิ่นฯ ยันไม่คิดหนีพร้อมสู้ทุกคดี สวนกลับ ผบ.ตร. แจ้งความปิดปาก เหตุแฉส่วยเว็บพนัน ลั่นเตรียมเปิดข้อมูลครั้งใหญ่ภายในสัปดาห์หน้า
วันนี้ (2 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.50 น. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” อดีต รอง ผบ.ตร. เดินทางเข้าพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อเข้าชี้แจงกรณีถูกแจ้งความร้องทุกข์ในความผิดฐานหมิ่นประมาทสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทราบว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. เข้าแจ้งความเอาผิดตน แต่ยืนยันว่า ยังไม่มีหมายเรียก ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแม้แต่ข้อหาเดียว การเดินทางมาที่ บก.ป. จึงเป็นการมาปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ยืนยันว่ายินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมต่อสู้คดีทุกประเด็น ซึ่งคดีนี้มองว่าเป็นลักษณะแจ้งความเพื่อปิดปาก เพราะตนเพียงแสดงความเห็นโดยอ้างอิงข้อมูลที่มีอยู่จริง และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ พร้อมย้ำถ้อยคำที่เป็นกระแสว่า “ตำรวจคือองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุด” ซึ่งมาจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏแล้วว่ามีตำรวจจำนวนมากเข้าไปเกี่ยวพันกับส่วยเว็บพนัน ทั้งระดับนายตำรวจ 30 กว่าราย รวมถึงกลุ่ม 200 กว่ารายที่ถูกเปิดเผยแล้ว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า หากย้อนกลับไปดูคลิปเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมาในรายการหนึ่ง จะเห็นว่าตนไม่ได้เอ่ยพาดพิงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นการเฉพาะ แต่สะท้อนปัญหาเชิงระบบที่ประชาชนรับรู้มานาน พร้อมท้วงติง ผบ.ตร. ว่า ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อนฟ้องร้อง เพราะข้อกล่าวหานี้อาจย้อนกลับไปสู่ผู้กล่าวหาเอง พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่ไปแจ้งความ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร ซึ่งแสดงความเห็นแรงกว่า โดยระบุว่า ตำรวจไทยไม่ใช่องค์กรอาชญากรรมใหญ่ที่สุด แต่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยซ้ำ ซึ่งคิดว่าสาเหตุที่ถูกเล่นงานเพราะตนเป็นตัวจี๊ด รู้ข้อมูลมากที่สุด และจะเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างตามลำดับในเร็ว ๆ นี้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า หากมีหมายเรียกจะมาพบตำรวจทันที เพราะคดีนี้ไม่มีสิทธิคุมตัวหรือออกหมายจับ เนื่องจากอัตราโทษไม่เกิน 3 ปี เต็มที่คือหมายเรียก แต่ขอสิทธิรับรู้ข้อกล่าวหาก่อนให้ปากคำ ทั้งนี้ตนได้ประสานผู้บังคับการกองปราบแล้วว่าจะเข้าพบในวันใดบ้าง ส่วนกรณีที่มีตำรวจบางนายระบุว่า หาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ตนจะหลบหนีว่า คนที่จะหนีไม่ใช่ตน พร้อมระบุว่ารู้ข้อมูลพิกัดบ้านที่อังกฤษ ของบุคคลสำคัญบางราย และเชื่อว่า ความจริงจะค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาเอง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาแม้จะเงียบ แต่เป็นช่วงเวลาที่ใช้เก็บข้อมูลอย่างละเอียด เหมือนนักมวยซ้อมทุกวัน วันนี้ถึงเวลาชกจริงแล้ว ขณะเดียวกันยืนยันว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานสอบสวนรายใดทำถูก ทำผิด และเตรียม รวมยอดเปิดข้อมูลครั้งใหญ่ ภายในสัปดาห์หน้า
ในส่วนกระแสว่าการปรากฏตัววันนี้เหมือนเป็นการเหยียบถิ่นของผู้ที่เคยกล่าวหาว่าตนจะหลบหนีออกนอกประเทศ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า บุคคลเหล่านั้นก็เพียงทำหน้าที่ตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณของตนเอง ไม่ว่าจะถูกหรือผิด เพราะได้รับตั๋วช้างมาแล้ว พร้อมย้ำว่าการต่อสู้ทั้งหมดนี้ต้องยืนอยู่บนหลักกฎหมาย ส่วนความขัดแย้งส่วนบุคคลให้ไว้ทีหลัง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงปัญหาเว็บพนัน-สแกมเมอร์ว่าเป็นเพียงลิเกโรงหนึ่ง เพราะไม่มีมาตรการแก้ปัญหาเป็นรูปธรรม ทั้งนายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร. จึงไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้จริง ขณะที่เรื่องส่วยตำรวจก็ยังถูกร้องเรียนจากทั่วประเทศแต่ไม่ได้รับการแก้ไข
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากแสดงตัวที่กองปราบปรามแล้ว จะเดินทางต่อไปยังศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ก่อนจะลงพื้นที่ภาคใต้ในช่วงค่ำเพื่อช่วยเหลือประชาชนและขอยืนยันว่า ไม่ได้หนี และพร้อมเข้าสู่กระบวนการทุกขั้นตอน
ต่อมาเวลา 11.45 น. ภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกครั้งก่อนเดินทางต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ว่า พนักงานสอบสวนกองปราบฯ ได้สอบถามเบื้องต้นว่าการเดินทางมาวันนี้ มีความประสงค์จะเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ถ้อยคำ หรือเพียงต้องการลงบันทึกประจำวันยืนยันว่าตนยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตนจึงแจ้งชัดว่าต้องการพบพนักงานสอบสวน เพื่อสอบถามให้แน่ชัดว่าประเด็นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งความดำเนินคดีตนนั้นคือข้อหาใดบ้าง และมีเนื้อหาหรือถ้อยคำส่วนใดที่ถูกกล่าวหาว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งทางพนักงานสอบสวนชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งไว้มีเพียง ความผิดฐานหมิ่นประมาทเท่านั้น ส่วนสื่อมวลชนที่ร่วมสัมภาษณ์ในวันที่เกิดเหตุ ไม่ถูกดำเนินคดีหรือเกี่ยวข้องในสำนวนแต่อย่างใด ซึ่งตนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่า ข้อมูลที่เคยแสดงความคิดเห็นเป็นข้อเท็จจริงที่สาธารณชนควรได้รับรู้ และเป็นการตรวจสอบเพื่อประโยชน์ต่อองค์กรตำรวจเอง
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ในฐานะรองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า เป็นเรื่องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบอำนาจให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ มาแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พนักงานสอบสวนอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน ในการถอดเทปคำสัมภาษณ์ โดยบิ๊กโจ๊กได้มาแสดงตัวและให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไว้ จากข้อมูลเบื้องต้นให้การปฏิเสธในเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้จึงมีการสอบปากคำ และมีการแจ้งข้อกล่าวหา วันนี้เป็นการเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งยังไม่ได้มีการออกหมายเรียก แต่บิ๊กโจ๊กเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาจึงได้มีการสอบปากคำไว้
เมื่อถามถึงประเด็นที่มีคำกล่าวพาดพิงถึงคนที่เคยปรามาส เรื่องตั๋วช้าง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ตนเคยชี้แจงไปแล้ว การที่ถูกปรามาสเกี่ยวกับเรื่องตั๋วช้าง ในยุค คสช. มีการแต่งตั้งกัน ตัวผมเองยืนยันไม่ได้เป็นเด็กผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือเด็กของใคร ได้จากการทำงานของผู้ใหญ่ที่สนับสนุนให้ขึ้นตำแหน่ง ต้องเรียนว่าตัวเองเป็นสารวัตร 11 ปี เป็นรองผู้กำกับอีก 7 ปี มีแค่ตอนเป็นผู้บังคับการได้พาสมา 2 ปี ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเรื่องการแต่งตั้ง มีแต่ผู้ใหญ่โทรมาบอกว่าจะให้ตนเองเป็นผู้การ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ครบหลักเกณฑ์ ตัวเองทราบเพียงว่าจะได้รับการแต่งตั้ง
"ยืนยันว่าไม่ใช่เด็กของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. และไม่เคยทำงานรับใช้ ผบ.ต่อ ตำรวจทุกคนได้ใครเป็นผู้บังคับบัญชาก็ต้องทำงานเหมือนกัน เราเป็นตำรวจด้วยจิตวิญญาณและหน้าที่ เมื่อใครเป็นใหญ่เราก็ทำงานให้ เราไม่แบ่งแยกว่าไม่ชอบผบ.คนนี้เราไม่ทำ เราทำด้วยเราเป็นตำรวจจริง ๆ" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
เมื่อสอบถามถึงกรณีคดีหมิ่นประมาทที่มีการดำเนินคดีกับบิ๊กโจ๊กเป็นรูปแบบไหน หรือคำพูดไหน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เป็นคลิปแรกที่เกิดขึ้นในรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง วันนั้นบิ๊กโจ๊กไปพูดในรายการนั้นเป็นรายการแรกและพูดว่าตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรม โดยไม่มีการย่อส่วนว่าเป็นกลุ่มของสอท. หรืออะไร ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จริงๆ ต้องขอบคุณบิ๊กโจ๊กที่นำเรื่องของตำรวจที่ประพฤติไม่ดีไม่ชอบให้ประชาชนรับทราบ ทางเราไม่ได้นิ่งใจได้ดำเนินการไปตามระเบียบและขั้นตอน ซึ่งตนอยากให้บิ๊กโจ๊กกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำมาอีก เพื่อจะได้ดำเนินการกับตำรวจที่ประพฤติไม่ดี ประพฤติไม่ชอบของสำนักงานตำรวจแห่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันใครที่ทำผิด ใครที่ออกนอกกฎเกณฑ์กติกาให้ดำเนินคดีทุกคน เอาออกจากราชการให้หมด และเน้นย้ำมาที่บก.ปปป.ด้วย
ส่วนเรื่องการแต่งตั้งเป็นรองโฆษก ตร. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ไม่มีนัยยะสำคัญ พร้อมให้ความมั่นใจว่า เราสามารถที่จะตอบสื่อสังคมได้ว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับการที่กลุ่มที่ไม่หวังดีกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาให้ข้อมูล อันไหนเป็นข้อเท็จจริง หรืออันไหนเป็นการให้ข้อมูลที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง วันนี้จึงอยากมาตอบคำถามเรื่องจริง เราไม่นำเรื่องที่เป็นการใส่ความให้ร้าย เดี๋ยวสังคมจะไขว้เขว ให้พูดตามข้อเท็จจริง ตามพยานหลักฐาน ส่วนข้อมูลที่บิดเบือนจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานถอดเทปดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่บิดเบือนทุกคดี
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยอมรับว่า ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีทั้งคนดีและคนไม่ดี อยากจะจัดการกับตำรวจที่ไม่ดีเหล่านี้อยู่แล้ว เราไม่ได้โกรธเคืองหรือตำหนิบิ๊กโจ๊ก เราเห็นด้วยกับการนำข้อมูลมา ยิ่งนำมาให้มากยิ่งดียิ่งมีพยานหลักฐานยิ่งดีจะได้ดำเนินคดีไปเลย จะต้องเรียนไปยังท่านหากมีข้อมูลก็นำมาอีก แต่ขอร้องอยู่อย่างเดียวว่าถ้าเป็นข้อมูลที่เป็นความลับที่จะเกิดความเสียหายกับคนอื่นอย่านำไปเผยแพร่ ให้ดำเนินคดีหรือแจ้งความดำเนินคดีเลย ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บังคับบัญชาทุกท่านจะดำเนินคดีกับตำรวจที่กระทำผิดพวกนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่อยากที่จะมาตอบโต้กับบิ๊กโจ๊กหรือนายอัจฉริยะ แต่อยากมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ทางพวกเราพยายามตรวจสอบข้อมูลการสัมภาษณ์ต่างๆ ทุกเรื่อง ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงหลายเรื่อง ซึ่งจะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อ ซึ่งคนที่ได้รับความเสียหายจะไปแจ้งที่โรงพักท้องที่หรือที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางต่อไป
ถามต่อถึงกรณีแชทหลุดที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์และนายอัจฉริยะอ้างว่าเป็นแชทสนทนาของ ผบ.ตร. เกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เรื่องนี้เราตรวจสอบอยู่ นาฬิกาที่อยู่ในภาพกับภาพที่อัจฉริยะนำมาเป็นคนละรุ่นกัน โปรไฟล์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกับโปรไฟล์ที่นายอัจฉริยะนำมาเป็นคนละโปรไฟล์กัน ให้สังเกตภาพหลวงปู่ทวดเต็มองค์ ส่วนของปลอมหลวงปู่ทวดมีระยะห่าง ให้สังเกตดูได้ ส่วนข้อเท็จจริงที่นำมาเปิดเผยจะมีข้อมูลมากจริงน้อยแค่ไหนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ทั้งนี้จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาทุกเรื่องที่มีการร้องเรียน ทั้งเรื่องการตั้งด่าน เรื่องตำรวจภูธรภาค 8 มีการวิ่งเต้น รวบถึงภาค 4 ภาค 2 ทางจเรตำรวจแห่งชาติได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกกองบัญชาการ หากมีหรือพบให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อถามถึงแชทที่มีข้อมูลอยู่ในขณะนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เบื้องต้นเชื่อว่ามีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ส่วนจะต้องนำเข้าไปตรวจสอบทางคอมพิวเตอร์หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
เมื่อถามว่ารู้แหล่งที่มาของแชทหรือยัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า พนักงานสอบสวนได้ทำการสืบสวนสอบสวนแล้ว เบื้องต้นพอจะทราบแหล่งที่มาแล้วว่ามาจากไหน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ยืนยันทุกสิ่งทุกอย่างทุกคลิปทุกการให้สัมภาษณ์มีการตรวจสอบคงไม่ปล่อยให้สิ่งพวกนี้มาทำลายองค์กรเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรักษาองค์กรไว้ ใครที่กล่าวหาองค์กรโดยไม่มีพยานหลักฐานจะดำเนินคดีทุกเรื่อง
เมื่อถามว่าการแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เป็นรองโฆษก ตร. มีความหนักใจหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า การแต่งตั้งมาถามว่าหนักใจหรือไม่ ไม่เคยคิดว่าหนักใจ เพราะเราทำงานอยู่บนพื้นฐานหลักการและกฎหมายอยู่แล้ว ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บังคับบัญชาต่างๆ จะมาสั่งให้เราบิดเบือนข้อเท็จจริงก็คงไม่ใช่ สิ่งที่เราทำ สร้างความโปร่งใสให้กับองค์กรของเรา และข้าราชการตำรวจที่ถูกรังแก ทุกๆ คน ไม่ใช่หนักใจ เป็นเรื่องของการนำความจริงมาเปิดเผยให้กับพี่น้องประชาชนทราบว่าสิ่งที่เราทำอยู่ เราเชื่อว่าสังคมต้องมาตระหนักว่าอะไรที่เป็นข่าวที่เป็นเฟคนิวส์หรือเป็นข่าวจริง ตำรวจตรวจสอบทุกเรื่อง ยืนยันว่าเราจะไม่เลี้ยงตำรวจที่เกเร อยากให้พวกนี้ออกไป สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปรียบเสมือนบ้านหลังใหญ่ เปรียบเทียบว่ามีฝุ่นละออง มีสัตว์ร้าย มีสัตว์พิษเข้ามาอยู่ สิ่งที่เราต้องจัดการคือเราต้องจัดการสิ่งเหล่านี้ให้ออกจากบ้านหลังนี้ไป เราไม่เลี้ยงพวกนี้ไว้เพราะเป็นสัตว์ร้าย การที่เราดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พวกเราบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนเหมือนกัน ยืนยันว่าที่นี่ไม่มีคนรวย คนจนไม่มีคนมีเส้น ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย เราไม่ได้เปิดหน้า หรือโจมตี บ่อนทำร้าย หรือขัดแย้งกับบิ๊กโจ๊ก เรากำลังขอบคุณบิ๊กโจ๊กกับนายอัจฉริยะที่นำข้อมูลของตำรวจมาเปิดเผย อยากจะให้ท่านมาช่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการปราบปรามตำรวจไม่ดีมากกว่า
เมื่อถามว่าหากในอนาคตถูกโจมตีกลับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ให้มาแจ้งความดำเนินคดีเลย อย่าเอาไปพูดให้เกิดความเสียหาย การพูดให้เกิดความเสียหายจึงอยากจะขอความร่วมมือทั้งบิ๊กโจ๊กและนายอัจฉริยะ ทั้งสองคนก็เคยทำงานร่วมกันมาไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ ช่วยกันปัดกวาดบ้านนี้ด้วย เราจะให้ความร่วมมือหากนำข้อมูลและข้อเท็จจริงมา


