”ทนายเชาว์“ ซัดตร.เมืองคอนแถลงการณ์ชี้แจงเหตุสส.-สจ.คนดัง รุมตีหัวชาวบ้าน หลังเหตุเกิดจนสื่อกระพือข่าว 5 วัน หวั่นเรียกคู่ความให้ข้อมูล จะเป็นการข่มขู่ทางอ้อม -บิดเบือนความยุติธรรม จี้โอนคดีให้กองปราบ หวั่นช่วยปกป้อง คนผิด
วันนี้ (2 มิ.ย. 68) นายเชาว์ มีขวด ทนายความอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความลงเฟสบุ้ก เรื่อง ความเห็นต่อแถลงการณ์ตำรวจนครศรีธรรมราช มีเนื้อหาระบุว่า แถลงการณ์ของตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เพิ่งออกมาในวันนี้ (2 มิ.ย.68) หลังสื่อมวลชนเผยแพร่เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ชวนให้ต้องตั้งคำถามอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีข่าวออก ถ้าไม่มีแรงกดดันจากสังคม ถ้าไม่มี “ตำรวจชั้นผู้ใหญ่” ลงมาเคลื่อนไหว คดีนี้จะเดินหน้าไหม?
นายเชาว์ระบุว่า แถลงการณ์ฉบับนี้ “มาช้าเกินไป” และที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้น คือ ถ้อยคำที่สื่อไปในทางปกป้องฝ่าย ส.ส. อ้างว่าเป็นนักการเมืองท้องถิ่น แม้จะยอมรับว่าคดียอมความไม่ได้ แต่กลับไม่ปรากฏคำอธิบายว่าแล้วที่ผ่านมาทำไมถึงเงียบ ไม่ใช่แค่เงียบ แต่เพจสื่อท้องถิ่นยังรายงานอ้างนายตำรวจยศพล.ต.ต.ให้ข่าวว่า “กรณีทำร้ายร่างกายงานบวช ผู้การเมืองคอน ระดับ พล.ต.ต. ยืนยัน ไม่มีการแจ้งความ ไม่มีหลักฐาน ผู้เสียหายไม่มี โซเชียลพึงระวัง” อีกด้วย นี่คือความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น ทำให้การดำเนินคดีของตำรวจนครศรีธรรมราชไม่น่าไว้วางใจ และต้องตั้งคำถามว่าตำรวจนครศรีธรรมราช ยังสมควรเป็นผู้ทำคดีนี้อยู่หรือไม่? ในเมื่อเหตุเกิดในพื้นที่ของตัวเอง ผู้ต้องหาเป็นนักการเมืองระดับชาติ มีตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาฯ แถมมีความสัมพันธ์โยงใยกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และจนถึงขณะนี้…ก็ยังไม่มีสัญญาณใดที่ชัดเจนว่าคดีจะเดินหน้าไปด้วยความตรงไปตรงมา
แม้ในแถลงการณ์อ้างว่า พล.ต.ต.จารุศร ฤทธิ์ศุภกิจกุล ผู้บัญขาการตำรวจภูมิธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เรียกประชุม มอบหมายให้ฝ่ายสอบสวนลงพื้นที่เพิ่มเติม และกำหนดนัดให้ผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 3 มิถุนายน เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมแต่ผมกลับมองว่านี่ อาจกลายเป็นการข่มขู่ในทางอ้อม หลังมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดเข้าไปมีบทบาทช่วยเคลียร์คดี คดีนี้จึงใหญ่เกินมือตำรวจนครศรีธรรมราชแล้ว และไม่มีความชอบธรรมพอที่จะสอบสวนท่ามกลางข้อกังขาของสังคม
”ผมเรียกร้องให้ ผบ.ตร.โอนย้ายคดีนี้ไปที่กองปราบฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน เพื่อให้พยาน–ผู้เสียหาย–กระบวนการสอบสวนเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมือง คดีนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่คือ “คดีอาญาแผ่นดิน” ที่ยอมความไม่ได้ อย่าให้สังคมรู้สึกว่า คนมีพวก คนมีตำแหน่ง จะรอดได้เสมอ เพราะกฎหมายต้องบังคับใช้อย่างเท่าเทียมกัน เคยมีคดีสมยอมทำสำนวนบิดเบี้ยวบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำมาแล้ว ในคดีบอส อยู่วิทยา สุดท้ายปลายทางคือคุก อย่าให้เรื่องนี้เริ่มต้นแบบบิดเบี้ยว แต่ต้อง ทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อพิสูจน์ศักดิ์ศรีตำรวจไทย” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย