xs
xsm
sm
md
lg

ให้ประกัน 2 กู้ภัยสยามรวมใจ ปมยิงเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู เจ็บสาหัส 3 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก มอบหมายให้ตำรวจสน.วังทองหลาง นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายฝากขังศาลอาญา
ศาลอาญาให้ประกัน 2 กู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ ยิงเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญูบาดเจ็บสาหัส 3 ราย หลังญาติยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ 2 -4 แสนบาท ขอประกันตัว

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ ( 7 พ.ย.) พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง นำตัว นายธนาคม กุลเศรษฐวัท อายุ 37 ปี และนายณรงค์วิทย์ วันขวัญ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-2 อาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยสยามรวมใจ-ปู่อินทร์(บางกะปิ) ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญูบาดเจ็บสาหัส 3 ราย ปากซอยมหาดไทย อ้างเหตุปมทะเลาะวิวาท ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นฯ มาขออำนาจศาลอาญาฝากขังครั้งแรก
 
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2568 (ช่วงดึก) ขณะที่ ร.ต.อ.วิทวัส ซุนอักษร พนักงานสอบสวนสน.วังทองหลาง ผู้กล่าวหา ปฏิบัติหน้าที่เวรคคีอาญา-จราจร ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสน.วังทองหลางว่ามีเหตุทำร้ายกันโดยใช้อาวุธปืนหน้าโชว์รูมรถยนต์ ยี่ห้อ ปีวายดี (BYD) ปากซอยลาดพร้าว 122 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม.จึงเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมกับแจ้งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุเมื่อผู้กล่าวหา ไปถึงที่เหตุได้ตรวจสอบพบหัวกระสุนปืน ปลอกกระสุนปิน (สีทองเหลือง) ไม่ทราบชนิดและขนาด เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงได้เก็บรวบรวมพยานฐานไว้ตรวจสอบ และจากการซักถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยพยานในที่เกิดเหตุ

ได้ทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 00.37 น.วันที่ 6 พ.ย.2568 เจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิร่วมกตัญญูได้รับแจ้งเหตุ รถเฉี่ยวชนกัน (ว.40) บริเวณหน้าปากซอยลาดพร้าว 122 เมื่อไปถึงพบว่ามีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจ-ปู่อินทร์ จอดอยู่แล้ว
จึงได้ไปทำแผลให้กับผู้บาดเจ็บจากเหตุรถเฉี่ยวชนและประสานนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ต่อมานายณรงค์วิทย์ หรือบังแอน ได้เข้ามาโต้เถียงกับ นายจิรายุทธ คงดี เจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิกตัญญูโดยอ้างว่า นายจิรายุทธ.คงดี ขับรถเฉี่ยวชนรถยนต์ของนายณรงค์วิทย์ หรือบังแอน จากนั้น ตนได้โทรศัพท์แจ้งให้ นายอัครเดช ทวิสุวรรณ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูที่นำผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลแล้วให้ทราบว่า เกิดมีเรื่องโต้เถียงกันในที่เกิดเหตุ นายอัครเดช ทวิสุวรรณ จึงได้กลับมายังที่เกิดเหตุและพูดคุยปรับความเข้าใจกัน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงได้เกิดชกต่อยทำร้ายร่างกายกัน ระหว่าง นายจิรายุทธ คงดี และ นายอัครเดช ทวิสวรรณ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูฝ่ายหนึ่ง กับ นายณรงค์วิทย์ หรือบังแอน ผู้ต้องหาที่ 2 ในคดีนี้ และนายธนาคม หรือบอยไก่บิน  ผู้ต้องหาที่ 1 ในคดีนี้ อาสากู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจ-ปู่อินทร์ อีกฝ่ายหนึ่ง ต่อมาต่างฝ่ายต่างวิ่งกลับไปที่รถกู้ภัย จากนั้นนายมีนายต่อ ไม่ทรายชื่อนามสกุลจริง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ เดินมาที่รถกู้ภัยของมูลนิธิกตัญญูซึ่งจอดอยู่ จากนั้นนายต่อ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ได้บอกให้ตนเองและนายจิรายุทธ คงดี กลับไปก่อน แต่นายจิรายุทธ คงดี ไม่ยอมกลับและเดินลงจากรถไปบริเวณที่เกิดเหตุ

ซึ่งตนเองก็ได้เดินตามนายจิรายุทธ คงดี ไปด้วยโดยมีนายณรงค์วิทย์ หรือบังแอน ผู้ต้องหาที่ 2 และนายธนาคม ผู้ต้องหาที่ 1 เดินตามไปด้วย จากนั้นทั้งคู่เกิดมีปากเสียงกันอีกครั้ง จากนั้นได้มีอาสาร่วมกตัญญู เดินเข้ามาทางด้านหลังนายธนาคม และได้ชกต่อย นายธนาคม ผู้ต้องหาที่ 1 เข้าที่บริเวณท้ายทอยและเกิดการชกต่อย จากนั้นนายธนาคม ผู้ต้องหาที่ 1 ชักปืนออกมาและยิงไปที่ นายจิรายุทธ คงดีเข้าที่บริเวณลำคอ จำนวน 1 นัด จากนั้นนายธนาคม ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หันกระบอกปินไปทาง นายอัครเดช ทวิสุวรรณ ที่ได้วิ่งหนีโดยข้ามถนนไปอีกฝั่ง จึงยิงไปจำนวน 3-4 นัด กระสุนเข้าที่บริเวณซี่โครงและแขนของนายอัครเดช ทวิสุวรรณ จำนวน 2 นัด และกระสุนอีก 1 นัด พลาดไปถูกน.ส.จิตรทิวา เรือนแก้วได้รับบาดเจ็บ กระสุนเข้าที่บริเวณท้องจากนั้น นายณรงค์วิทย์ หรือบังแอน ผู้ต้องหาที่ 2 ได้พานายธนาคม ผู้ต้องหาที่ 1 ขึ้นกู้ภัยหมายเลขทะเบียน ฮก 9416 กทม. ของนายณรงค์วิทย์ หรือบังแอน ส่วนนายธนาคม หรือบอยไก่บิน ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ทิ้งรถกู้ภัยอีกคันไว้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้ที่สน.วังทองหลาง และ จึงเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานยื่นศาลของออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ในฐานความผิด "ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนในในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควรและยิงปืนในเมือง หมู่บ้านที่ชุมนุมโดยไม่มีเหตุอันสมควร"อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80,มาตรา 228,มาตรา 371 และเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2590 มาตรา 4 (1)(2) 7, 8, 8 ทวิ วรรคแรก,มาตรา 72 วรรคแรก,มาตรา 72 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 3)พ.ศ.2501วรรค 3 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2522 มาตรา 5, 6, 7 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธ(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2530 มาตรา 3, คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ต.ค.2534 ข้อ 6, 3

ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยยิงกัน ที่ปากซอยมหาดไทย (ลาดพร้าว 122)
ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 พ.ย.2568 ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ถูกจับกุมตัว โดย พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ สุรัตจสิงห์ สว.กก.สส.บก.น.4 และตำรวจกองกำกับสืบสวนตำรวจนครบาล 4 (กก.สส.บก.น.4) ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6515 /2568 และหมายจับที่ 6516/2568 ลงวันที่ 6 พ.ย.2568 พร้อมของกลาง อาวุธปืน ขนาด 9 มม. ยี่ห้อSpringfeld จำนวน 1 กระบอก ราคา 90,000 บาท ,เครื่องกระสุนปืน ขนาด.380 มม. จำนวน 6 นัด, เสื้อยืดสีดำลายช้าง จำนวน 1 ตัว,กางเกงขายาวคาร์โก้สีเทา จำนวน 1 ตัว,รองเท้าหุ้มสั้น ยี่ห้อ Keeก จำนวน 1 คู่ และเสื้อยืดสีดำลายหน้าบังหมัดคลองตัน จำนวน 1 ตัว
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง
ไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนใบในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควรและยิงปืนในเมือง หมู่บ้านที่ชุมนุมโดยไม่มีเหตุอันสมควร" จากนั้นเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 6 พ.ย.2568 จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวนสน.วังทองทองหลาง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนสน ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย จะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว แต่สอบปากคำยังไม่แล้วเสร็จ จะต้องสอบสวมพยานอีก 5 ปาก ( พยานชุดจับกุมและประจักษ์พยาน),รอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐาน ,ประวัติอาชญากรรม และตรวจสอบใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน จึงขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 7-18 พ.ย.2568 และขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่า ผู้ต้องหาอาจจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง
ศาลอาญาพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้

ภายหลังญาติของนายธนาคม และนายณรงค์วิทย์ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ 2-4 แสนบาท ขอประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง จากนั้นผู้ต้องหาทั้ง 2 รายจึงพากันเดินทางกลับทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น