xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ไฟเขียวประมูลคลังสินค้ารายที่ 2 “สุวรรณภูมิ” 1.5 หมื่นล้าน สัญญา 20 ปี ทอท.คาดเพิ่มศักยภาพรวม 2.5 ล้านตัน/ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ครม.ไฟเขียว ทอท.ประมูล PPP บริการคลังสินค้ารายที่ 2 “สุวรรณภูมิ” มูลค่า 1.52 หมื่นล้านบาท คาดเปิดประมูลได้ตัวใน 6 เดือน ทำงานต่อเนื่องจาก BFS Cargo ที่จะหมดสัญญา ต.ค. 69 เพิ่มศักยภาพรับสินค้าอีกเท่าตัวขณะที่เดินหน้าประมูลรายที่ 3 คาดได้ตัว ก.ค.นี้ ขยายรับสินค้ารวม 2.5 ล้านตัน/ปี

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 มิ.ย. 2568 มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) หรือ AOT (ทอท.) ดำเนินโครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 2 ตามที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการนโยบายฯ) ได้พิจารณา โดยเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการในรูปแบบ PPP Net Cost มูลค่าของโครงการรวม 15,253 ล้านบาท

ขั้นตอนหลังจากนี้ ทอท.จะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามขั้นตอน พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯพ.ศ. 2562) มาตรา 36 ประกอบด้วย ผู้แทนเจ้าของโครงการ คือ ทอท. เป็นประธานกรรมการ, ผู้แทนกระทรวงคมนาคม, ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด, ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และผู้ทรงคุณวุฒิ โดยตามขั้นตอนจะมีการจัดทำร่าง TOR และเปิดรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน (Market Sounding) และประกาศเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมประมูล หลังจากได้ผู้ชนะการประมูลแล้วจะเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เห็นชอบและเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอ ครม.ขออนุมัติต่อไป โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน

ปัจจุบันผู้ประกอบการบริการคลังสินค้า รายที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คือ บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด (BFS Cargo) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กับสิงคโปร์ โดยสัญญาจะสิ้นสุดในเดือนต.ค. 2569 ดังนั้นจึงต้องเปิดประมูลใหม่ โดยคาดว่าจะได้ตัวผู้ประกอบการใหม่ช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. 2569 เพื่อให้มีระยะเวลาเตรียมการประมาณ 6 เดือนก่อนสัญญารายเดิมจะสิ้นสุด โดยบริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายเดิมมีสิทธิ์เข้าร่วมประมูล และหากได้รับคัดเลือกในฐานะเป็นผู้ประกอบการเดิมจะสามารถลงทุนได้ต่อเนื่อง หากเป็นรายใหม่ก็จะมีเวลาเตรียมการ 6 เดือน

“บริการคลังสินค้ารายที่ 2 ปัจจุบันมีศักยภาพรองรับสินค้าที่ 5 แสนตันต่อปีเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีของเมื่อ 20 ปีก่อน ขณะที่สัญญาใหม่จะมีการปรับปรุงระบบการให้บริการ โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่และ AI เข้ามาช่วยในการบริการ จะทำให้เพิ่มศักยภาพการรองรับสินค้าในส่วนของผู้ให้บริการรายที่ 2 เพิ่มขึ้นอีกเกือบ 2 เท่า”

ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้ประกอบการบริการคลังสินค้าจำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (ผู้ประกอบการรายที่ 1) สัญญาสิ้นสุดปี 2583 ปริมาณขนส่งสินค้า 1.20 ล้านตันต่อปี และบริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด (ผู้ประกอบการรายที่ 2) หมดสัญญาเดือน ต.ค. 2569 ปริมาณขนส่งสินค้า 0.55 ล้านตันต่อปี โดยเมื่อได้สัญญาใหม่ของรายที่ 2 รวมกับผู้ประกอบการคลังสินค้ารายที่ 3 ที่ ทอท.อยู่ระหว่างเปิดประมูลคัดเลือก จะทำให้เพิ่มศักยภาพรองรับสินค้าได้เป็น 2.5 ล้านตันต่อปี

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ปริมาณสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพบว่า ในปี 2570 จะมีปริมาณสินค้าจำนวน 1.67 ล้านตัน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับผู้ประกอบการรายที่ 2 มูลค่าโครงการ 15,253 ล้านบาท (ประเมินจากค่าผลประโยชน์ตอบแทน, ค่าเช่าพื้นที่, ค่าลงทุนสิ่งปลูกสร้างและค่าลงทุนอุปกรณ์และระบบ) PPP Net Cost ระยะเวลา 20 ปี นับจากวันส่งมอบพื้นที่ โดยเอกชนมีหน้าที่จัดหาเงินทุนเพื่อลงทุนสิ่งปลูกสร้าง อุปกรณ์ และระบบ รวมทั้งการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการฯ ส่วนภาครัฐมีหน้าที่จัดหาที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการและกำกับดูแลและติดตามตรวจสอบคุณภาพ

เอกชนจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรายได้ และเป็นผู้รับความเสี่ยง โดยจะต้องจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ภาครัฐเป็นรายปีตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยเปรียบเทียบกันระหว่างค่าส่วนแบ่งรายได้ 10% ของรายได้ต่อเดือน และค่าตอบแทนขั้นต่ำที่แน่นอน ซึ่งเอกชนจะต้องเป็นผู้เสนอและจ่ายให้รัฐในรายการที่มีมูลค่าสูงกว่า

ประมาณการ เอกชนจะมีรายได้ตลอดอายุโครงการ 20 ปี ประมาณ 42,205.17 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการอยู่ที่ 34,161.76 ล้านบาท ประกอบด้วย (1) ค่าลงทุนสิ่งปลูกสร้าง อุปกรณ์ และระบบ จำนวน 1,120 ล้านบาท (2) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบำรุงรักษา จำนวน 33,041.76 ล้านบาท (เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบจัดหาเงินทุนทั้งหมด) มีผลตอบแทนการลงทุนของเอกชน มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) 1,465.30 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) 22.54% ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) 4 ปี 11 เดือน อัตราส่วนผลประโยชน์ตอบแทนต่อเงินลงทุน (B/C Ratio) 2.15 เท่า ส่วนผลตอบแทนการลงทุนของ AOT มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของค่าผลประโยชน์ตอบแทนทั้งหมดที่จะได้รับ จำนวน 4,919.72 ล้านบาท

ด้านนางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ขณะนี้ ทอท.อยู่ระหว่างเปิดประมูลโครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 3 และโครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 3 โดยมีผู้ยื่นข้อเสนอแล้วอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2562 คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.ค. 2568


กำลังโหลดความคิดเห็น