รอง ผบช.ก.เรียกประชุมติดความคืบหน้าคดีวัดพระบาทน้ำพุ 17 ก.ย.นี้ เร่งคลี่คลายประเด็นข้องสงสัยต่อสังคม ส่วนกรณีเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ นัดคุยจังหวัดกลางสัปดาห์ เผยมีการร้องเรียนพระนอกรีตกว่า 500 เรื่อง สั่งติดตามพฤติกรรมทุกเรื่อง หากผิดดำเนินคดีเด็ดขาด
วันนี้ ( 14 ก.ย. ) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีวัดพระบาทน้ำพุว่า จะมีการประชุมคดีดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 17ก.ย. นี้โดยเป็นการประชุมติดตามความคืบหน้าใน 24 ประเด็นที่ได้มีการสั่งการไว้ก่อนหน้านี้เพื่อให้คลี่คลายในประเด็นข้อสงสัย และรายละเอียดเส้นเงินต่าง ๆ รวมทั้งรายละเอียดของข้อมูลที่ได้สืบสวนไว้ โดยจะเร่งทำเพื่อให้ตอบสังคมได้โดยเร็วส่วนของศิลปินดาราที่เข้ามาให้ข้อมูลนั้น จากพยานหลักฐานที่นำมายื่น จะเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนมาชั่งน้ำหนักซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ถ้าเข้ามาชี้แจงก็มองว่ามีเจตนาที่บริสุทธิ์
"เราไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร แต่เรากำลังเดินตามพยานหลักฐานที่เราค้นได้หรือเกิดจากเส้นเงิน อยากให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่กระทำความผิด หรือเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ขอมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ถ้าไม่มาก็อาจจะถูกกล่าวหาดำเนินคดีไปด้วย" รอง ผบช.ก.กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา เกี่ยวกับประพฤติกรรมเรื่องสีกาและเงินวัดนั้นในเรื่องนี้ทางตำรวจก็พอจะมีข้อมูลอยู่บ้าง ซึ่งสัปดาห์หน้าหน่วยงานจังหวัดจะเดินทางเข้ามาพบตน ส่วนจะมีความเชื่อมโยงไปถึงคดีเก่าของสีกากอล์ฟหรือไม่นั้นขอคุยข้อมูลและรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อน
สำหรับประเด็นที่มูลนิธิหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน และอดีตไวยาวัจกรวัดบางคลาน ออกมาชี้แจงว่า เงินวัดจำนวน 30-40 ล้านบาทไม่ได้หายไป อีกทั้งก่อนหน้านี้ เมื่อปี 65-66 ตำรวจเคยเข้าได้เข้ามาตรวจสอบที่วัดแล้วนั้น รอง ผบช.ก. ระบุว่า ต้องย้อนกลับไปครั้งแรกที่ตำรวจเข้าไปแก้ปัญหาวัดบางคลาน จ.พิจิตร จนสามารถจบปัญหาได้ในเบื้องต้น โดยก่อนที่จะมีปัญหานั้นวัดมีเงินอยู่ประมาณ103 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าตอนที่เจ้าอาวาสเข้าวัดไปได้นั้น ตำรวจได้มีการตรวจสอบแบบคร่าว ๆ พบว่าเหลือประมาณ 60- 70 ล้านบาท แล้วก็นำมาตั้งมูลนิธิ เพราะฉะนั้นการเข้าไปเบื้องต้นของตำรวจก็จะเน้นทางด้านรัฐศาสตร์ คืออยากให้วัด โรงเรียน ประชาชน อยู่ร่วมกันได้ แต่เมื่อการดำเนินการตามพันธะสัญญาที่เคยพูดกันไว้ไปไม่ได้ก็ต้องมีการขยับเพื่อหาความเหมาะสม เกิดความสมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวกัน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวด้วยว่าสำหรับเงินที่บอกว่าตรวจไปแล้วนั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการตรวจ แต่หลังจากการที่เข้าไปตรวจค้นมูลนิธิฯ แล้วเรามีพยานหลักฐานบางอย่าง ที่อาจจะมีเจ้าหน้าที่ของวัดเข้าไปเกี่ยวข้องในการทุจริตหรือเงินวัดที่หายไป 30 กว่าล้านบาทไปอยู่ที่ไหน ครั้งนี้เราจะตรวจละเอียด จึงมีการขอหมายค้น ยืนยันว่าตำรวจจะทำด้วยความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่เอนเอียงข้างใด มุ่งเน้นผลประโยชน์ของวัดเป็นหลัก เราต้องต้องแก้ปัญหาไปในทางที่ถูกต้อง และไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งใคร
นอกจากนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณีผู้ประกาศข่าวชื่อดังโพสต์ข้อความระบุว่า จับตา คาดมีข่าวใหญ่ สะพัด คนดังมีลูกศิษย์ทั่วฟ้าเมืองไทยถูกสอบพฤติกรรมโยงผู้หญิง เงินบริจาค มโหฬารกว่าคดีสีกากอล์ฟว่ามีหลายส่วนที่ตํารวจกําลังทํางาน ซึ่งต้องขอสงวนข้อมูลเอาไว้ก่อน เพราะเป็นเรื่องสําคัญ หลายเรื่องที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดําเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีข่าวออกมาตามโซเชียลว่ามีพระอีก 1 รูป เข้าข่ายกระทําความผิดนั้นทางตํารวจ มีข้อมูลแล้วหรือไม่ ทาง รอง ผบช.ก. ระบุว่า ตํารวจทําเยอะไม่ใช่เพียงพระ 1 รูป เนื่องจากศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา ได้รับการร้องเรียนเข้ามาจํานวนมาก กว่า 500 เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบและมีบางเรื่องที่อาจจะยุติแต่เกินครึ่งต้องเดินหน้าต่อ
ส่วนกรณีของพระนักเทศน์หรือพระหลาย ๆ รูปจะเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่นั้น รองผบช.ก. กล่าวว่า ตอนนี้ขอยังไม่พูดถึง แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกําลังทําอยู่ ด้วยการเก็บข้อมูลและพฤติกรรมต่าง ๆ หากพบการกระทําความผิดก็ดําเนินการตามกฎหมาย