xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กเต่า”เล็งฟันม.157 ตำรวจบกพร่องทำเรือหาย พบน้ำมันของกลางเหลือแค่พาเรือกลับลูกเรือ 8 คน หมา 2 ตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“บิ๊กเต่า”ยอมรับน้ำมันเถื่อน เหลือแค่ขับเรือกลับฝั่งไทยได้ เร่งสอบลูกเรือ 8 คนโยงคนสั่งการ ขีดเส้น 7 วัน หาตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจบกพร่องต่อหน้าที่ ฟันม.157

วันนี้( 17 มิ.ย.)พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยหลังจากตำรวจขึ้นไปตรวจสอบบนเรือ ของกลาง 3 ลำ เบื้องต้น พบว่าบนเรือแต่ละลำ เหลือน้ำมันเล็กน้อยซึ่งเพียงพอสำหรับแค่การขับเคลื่อนเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถยืนยันเป็นจำนวนมากตัวเลขที่ชัดเจนได้ว่าเหลืออยู่เท่าไหร่ โดยขนาดความลึกของถังอยู่ที่ 3.8 เมตร แต่เหลือเพียง 1 เมตร ขอเวลาให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบให้ชัดเจน โดยเรือทั้ง 3 ลำ มีมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

ส่วนตัวเชื่อว่า น้ำมันของกลางที่อยู่บนเรือไม่ใช่เป้าหมายสำคัญของกลุ่มผู้ต้องหา เพราะสามารถขายได้เพียงลิตรละ 10 บาท มูลค่ารวม 4 -5 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนน้ำมันที่สูญหายไป ก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินคดี ในข้อหาลักทรัพย์ และเรือทั้ง 3 ลำก็ยังต้องถูกอายัดเป็นของกลาง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีผู้เสียหาย มาแสดงตัวยืนยันเป็นเจ้าของเรือ ศาลจึงออกหมายจับ ในเรื่องของการลักทรัพย์ซึ่งเป็นของกลาง เท่านั้น ซึ่งก็แน่ชัดว่า เหตุการณ์นี้ต้องมีเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องต่อหน้าที่ ขณะนี้สั่งการว่าต้องมีความชัดเจนในเรื่องของการสอบสวนภายใน 7 วัน ซึ่งต้องมาดูว่าการบกพร่องต่อหน้าที่นั้น ทำให้เกิดความเสียหายมากน้อยเพียงใด ก่อนเอาผิดตามมาตรา 157 ยืนยันว่าไม่มีละเว้น ดำเนินการขั้นเด็ดขาด

“ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 8 คน จะถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ รวมถึงอีก 7 คนที่หลบหนี อยู่ระหว่างการติดตามตัว ซึ่งอยากฝากถึงผู้ต้องหา ที่ยังหลบหนี ว่าอยากให้เข้ามอบตัว และให้การกับตำรวจ เพื่อเป็นประโยชน์ ต่อการทำคดี ซึ่งเจ้าของเรือถือเป็นคนสำคัญ ส่วนผู้ต้องหา 28 คน ในคดีที่ถูกจับก่อนหน้านี้ ก็จะต้องส่งฟ้องไป ตามกระบวนการทางกับกฎหมาย พร้อมทั้งเตรียม เพิกถอนการประกันตัว” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า โดยเชื่อว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับทั้งหมดนี้ เป็นเพียงลูกจ้าง ส่วนจ้างการจะสั่งงานผ่านทางโทรศัพท์ ในการซื้อขายน้ำมันเถื่อนเท่านั้น ส่วนใหญ่ที่ขึ้นเรือไปเป็นลูกจ้างก็จะกินนอนอยู่บนเรือ โดยมีสุนัขเฝ้าเรืออยู่ด้วย และไม่ได้ติดต่อกับทางครอบครัว ส่วนพยานหลักฐานที่จะเชื่อมโยงถึงเจ้าของเรือหรือผู้สั่งการ จะมีการตรวจสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ อีกครั้ง ในครั้งนี้อาจจะมีส่วนให้เป็นการเพิ่มโทษกับตัว นายโจ้ ปัตตานี ในส่วนคดีแรกที่ถูกจับก่อนหน้านี้ ซึ่งยอมรับว่าตัวนายโจ้เองไม่ธรรมดา ใช้เงินเป็นอาวุธ ตามจับมานานแล้วแต่ก็ หลุดรอดไปได้ ทุกครั้ง




















กำลังโหลดความคิดเห็น