xs
xsm
sm
md
lg

แฉเส้นทางเรือของกลางหนี พบมุ่งหน้าเข้าพื้นที่เศรษฐกิจจำเพาะ ถิ่นแก๊งขายน้ำมันเถื่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



บิ๊กเต่า” พร้อมทีมงาน เปิดไทม์ไลน์ เรือของกลาง 3 ลำ หายจากสัตหีบ พบตั้งใจมุ่งหน้าเข้าพื้นที่เศรษฐกิจจำเพาะ เนื่องจากเป็นเขตของกลุ่มผู้ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 17 มิ.ย. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีตรวจยึดเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ ที่สูญหายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี กลับคืนมาได้

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สำหรับกรณีเรือน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ที่หายไป จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเสี่ยโจ้ หรือไม่ ทางตำรวจสอบสวนกลาง อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และการที่ที่ผู้ต้องหาทำเช่นนี้ ถือว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามตำรวจ จะเร่งดำเนินการให้ถึงที่สุด ส่วนการที่เรือได้หายไป 3-4 วันนั้น มีตำรวจเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ในประเด็นนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ เพราะตอนนี้ดำเนินการอย่างเต็มที่ทางด้านการจับกุมและติดตามคดี ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างแน่นอน

“ยืนยันว่า จะดำเนินคดีทุกข้อกล่าวหา หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ส่วนน้ำมันจะหายไปมากน้อยเพียงใด ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ ต้องรอการพิสูจน์ทราบจากกองพิสูจน์หลักฐานก่อน” รอง ผบช.ก. กล่าว

ขณะที่ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ กล่าวว่า สำหรับไทม์ไลน์เหตุการณ์ครั้งนี้นับตั้งแต่เรือถูกจับมา และยึดเป็นของกลาง กระทั่งหายไปและมีการตรวจพบเมื่อวานนี้ เริ่มจากเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ได้มีการจับน้ำมันเถื่อน ไว้ที่สัตหีบ ก่อนที่ต่อมาวันที่ 19 มี.ค. ตำรวจ บก.ปอศ. จะทำหนังสือประสานขอให้ตำรวจน้ำดูแลของกลางต่อ กระทั่งวันที่ 11 มิ.ย. ได้มีกลุ่มคนร้ายฉวยโอกาส เอาเรือของกลางไป โดยล่องไปถึงพื้นที่ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ก่อนจะเอาไปหลบซ่อน มีการเปลี่ยนสีเรือ รูปพรรณสัณฐานเรือ ทาสีเก๋งเรือ พื้นเรือ เรือกำไรเงิน จากแดง เป็นสีเขียว และพยายามจะดัดแปลงทุกลำ แต่ด้วยความที่ต้องรีบหนีเจ้าหน้าที่ จึงทำให้เสร็จไปเพียงลำเดียว เชื่อว่า ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการเอาเรือกลับไปใช้ใหม่ และเอาน้ำมันของกลางไปขายที่กัมพูชา ที่แน่ชัดคือ ปริมาณน้ำมันขณะนี้เหลือไม่เท่ากับตอนยึดมา

กระทั่งวันที่ 13 มิ.ย. หลังทราบเรื่อง ทางตำรวจน้ำได้มีการประสานเพื่อนบ้านทุกประเทศ ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย ตรวจดูเรือต้องสงสัย เชื่อว่า กลุ่มผู้ต้องหารู้ว่าตำรวจเริ่มตรวจหา เลยเอาเรือออกจากฝั่ง โดยผู้ต้องหาส่วนหนึ่งหนีอยู่บนฝั่ง ส่วนหนึ่งอยู่บนเรือ เพราะลงเรือหนีพร้อมกันไม่ทัน ทราบว่า ผู้ต้องหามีการสับเปลี่ยนไปพักผ่อนโดยจอดเรือนิ่งๆ ไม่เคลื่อนให้ผิดสังเกต จนกระทั่งตำรวจเริ่มมีการกดดันในพื้นที่ ผู้ต้องหาจึงนำเรือออกจากท่าที่ประเทศกัมพูชา เข้าพื้นที่ EEZ เขตเศรษฐกิจจำเพาะ มาเลเซีย เพราะผู้ต้องหาชำนาญเส้นทางนี้ ทำให้ตีกรอบการตรวจค้นได้แคบ ประกอบกับชุดทหารเรือช่วยค้นหาโดยใช้ดาวเทียมและสื่อสารขอความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายประมง คอยช่วยแจ้งเบาะแส

กระทั่งวันที่ 16 มิ.ย. ช่วงเวลา 06.00 น. ได้รับแจ้งจากภาคีเครือข่าย พบเรือรูปพรรณตรงกัน ห่างจากพื้นที่ทะเลสงขลา 90 ไมล์ จึงใช้ตำรวจน้ำ 3 ลำ ไปพิสูจน์ กระทั่งเวลา 15.00 น. ชัดเจน ว่าใช่เรือของกลาง 3 ลำ และชื่อ-นามสกุล ผู้ต้องหา ตรงกัน มีลูกเรือ 8 คน ประกอบด้วย กำไรเงิน 3 คน เรือ เจพี 4 คน และดาวรุ่ง 1 คน ที่เป็นคนดูแลเรือดังกล่าว เนื่องจากขณะนั้นเรือเสีย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ คาดหลบหนีต่อ โดยขณะที่เข้าจับกุมพบว่าเรือกำลังแล่นอยู่กลางทะเล แต่มีเรือชื่อดาวรุ่ง เครื่องเสีย ทำให้ไปไหนต่อไม่ได้

ส่วนเป้าประสงค์ของกลุ่มผู้ต้องหา ตำรวจเชื่อว่า หวังทั้งเรื่องของน้ำมันของกลาง และเรือ เนื่องจากน้ำมันมีมูลค่า 3-4 ล้านบาท ส่วนเรือมีมูลค่ามากถึง 20 ล้าน จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ต้องหาพยายามดัดแปลงเรือของกลางจากเดิม เพื่อนำมาใช้ใหม่ ส่วนประเด็นที่เรือของกลาง พบอยู่ในพื้นที่ของปัตตานี เนื่องจากว่าจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ลักลอบขายน้ำมันเถื่อน ผู้ต้องหาจึงนำเรือออกจากพื้นที่สัตหีบ และมุ่งหน้ามายังบริเวณดังกล่าว ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับคนชื่อโจ้ ซึ่งปรากฏเป็นข่าวว่ามีความเชื่อมโยงกันนั้น หรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ด้าน พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า เรือของกลาง 5 ลำที่ถูกจับ ครั้งแรก มีผู้ต้องหาทั้งหมด 28 คน จากการสืบสวนพบว่า มีนายทุน 2 กลุ่ม ที่เชื่อมโยงกัน ส่วนจะเป็น เสี่ย น.ระยอง หรือ เสี่ย จ. รายละเอียดยังต้องรอการสืบสวน ตอนนี้ยังไม่ขอเปิดเผย














กำลังโหลดความคิดเห็น