ภรรยาศรีสุวรรณ เข้าพบ ตำรวจ ปปป. รับทราบข้อหาร่วมตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ด้าน “บิ๊กเต่า” ยันพยานหลักฐานชี้ชัดเข้าไปยุ่งเกี่ยวรับมอบเงิน 6 แสนบาท
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่ บก.ปปป. เมื่อเวลา 13.30 น. น.ส.ณพัชญ์ปภา จรรยา อายุ 43 ปี ภรรยา นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้ต้องหาคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว พร้อมทนายความได้เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก หลังชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวพบพยานหลักฐานที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินในคดีดังกล่าว
ต่อมาเวลา 14.45 น. พล.ต.ต.จรูญเกียติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงการเข้าพบพนักงานสอบสวนของ น.ส.ณพัชญ์ปภา ว่า เป็นการเชิญมาตามหมายเรียก ซึ่งเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยหลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำ ก็จะมีการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินโดยมิชอบ ซึ่งหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหา เชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะอนุญาตให้ประกันตัว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า จากข้อเท็จจริง พบว่า มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเหตุการณ์วันที่ส่งมอบเงิน ทำให้เชื่อว่ารู้เห็นในการรับเงิน 5 แสนบาท แต่จะมีเจตนาหรือไม่ ให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ซึ่ง น.ส.ณพัชญ์ปภา
จะให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิของเจ้าตัว นอกจากนี้ยังมีพยานหลักฐานว่ามีส่วนรู้เห็นในการส่งมอบเงินจำนวน 1 แสนบาท ในช่วงวันก่อนเกิดเหตุอีกด้วย ส่วนจะมีการรู้เห็นเป็นใจในขั้นตอนการเจรจาหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่พบ และเบื้องต้นพบว่าเข้ามาเกี่ยวข้องในความเสียหายของวงนี้เพียงวงเดียว ส่วนวงอื่นจะต้องตรวจสอบต่อไป
รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ส่วนบัญชีม้าอีก 1 ราย ที่ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนวานนี้ (14 ก.พ. ) พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะกันไว้เป็นพยาน หรือจะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รับเงินเข้าบัญชีไม่เยอะมาก ขณะที่ในส่วนเรื่องการอายัดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหา ได้มีการประสานงานกับ ปปง. อยู่ตลอด โดยมีการเตรียมข้อมูลไว้หมดแล้ว อีกไม่นานจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) ที่จะครบกำหนดส่งคำให้การของผู้ต้องหาชุดแรกนั้น เบื้องต้นยังไม่มีการประสานเข้ามา แต่โดยหลักการแล้วตัวผู้ต้องหาไม่จำเป็นต้องเข้ามาเอง สามารถให้ทนายความนำส่งเอกสารได้ ซึ่งตอนนี้ยังสามารถติดต่อผ่านทางทนายความของผู้ต้องหาได้อยู่ ส่วนความคืบหน้าของการขยายผลวงที่ 2 และ 3 นั้น ตอนนี้กำลังจะเริ่มรับคำร้องทุกข์ หากพบความผิดก็จะรวบรวมส่ง ป.ป.ช. พิจารณา แต่ถ้าไม่ใช่ความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐ ก็จะตั้งเป็นคดีธรรมดาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายโอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว ที่ได้นำข้อมูลมาให้ หลังถูกพาดพิงว่าเป็นผู้นำข้อมูลออกไปให้ นายเอกลักษณ์ วารีชล นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบไล่ดูแชทไลน์ที่ นายโอวาท นำมาให้พบว่า นายโอวาทและนายเอกลักษณ์ มีการรู้จักและพูดคุยกัน แต่เป็นเรื่องอื่น และมีข้อความที่นายโอวาทมีการเตือน นายเอกลักษณ์ว่า อย่าไปยุ่งกับอธิบดี เพราะท่านไม่ธรรมดา ทำให้เชื่อว่าน่าจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับขบวนการดังกล่าว
เมื่อถามต่อว่าในแนวทางการสืบสวนสอบสวนตอนนี้พบว่ามี “นักร้อง” คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า จากข้อมูลที่ได้มา ตัวหลักของขบวนการจะทำกันอยู่ 2-3 คน แต่ก็มีบ้างที่ไปขอความร่วมมือจากคนอื่น ซึ่งต้องดูพยานหลักฐานอีกครั้งว่าสามารถเอาผิดได้หรือไม่
เมื่อถามว่า นักร้องคนอื่นที่ว่านี้ เป็นคนที่รู้จักกันอยู่แล้วหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบเพียงว่า “เป็นกลุ่มคนดีที่มารวมกัน”
ต่อมาเมื่อเวลา 19.40 น. วันที่ 15 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวพร้อมให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเสร็จสิ้น โดยใช้เวลานานร่วม 7 ชั่วโมงแล้วนั้น น.ส.ณพัชญ์ปภา ก็ได้ให้ทนายความส่วนตัวทำเรื่องขอยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงินสด 4 แสนบาท ก่อนที่ต่อมาทางพนักงานสอบสวนจะพิจารณาแล้วเห็นว่าเจ้าตัวไม่มีพฤติกรรมหลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงอนุญาตให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยจะนัดหมายมาเข้าให้ปากคำอีกครั้งหากมีบางประเด็นที่ยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัย