ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงความคืบหน้าหลังสอบปากคำผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่า “เสี่ยต้น” เผย “มด” ภรรยาติดต่อหามือปืนทางอินเทอร์เน็ต หวังให้ยิงสามีตาย เพื่อประโยชน์เรื่องทรัพย์สินและเงินประกันชีวิต
วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้แถลงข่าวความคืบหน้าคดี ภายหลังจากได้สอบปากคำ น.ส.วรรณิภา อายุ 37 ปี ภรรยาของนายพิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น อายุ 44 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ใช้จ้างวานและชี้เป้า นายสาโรจน์ อายุ 25 ปี เป็นผู้ตระเตรียมการ จัดหาอาวุธและพาหนะ นายวีรภัทร คนขี่รถ จยย. ไปก่อเหตุ ขณะที่ นายณัฐพล อายุ 25 ปี มือปืน ยังหลบหนี
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในส่วนของ นายวีรภัทร และ นายสาโรจน์ ยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างให้ไปซื้อปืนในราคา 12,000 บาท โดย นายสาโรจน์ ก็จัดหาให้ ส่วนนายวีรภัทร ยอมรับว่า ตัวเองได้รู้จักกับมือปืนที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ภายในซอยรามอินทรา 62 และได้เจอกับ นายณัฐพล หลังจากนั้นได้พูดคุยกัน ซึ่ง นายณัฐพล อ้างว่า ให้ไปช่วยติดตามเมีย เพราะว่าทะเลาะกัน ขอให้ช่วยขับรถให้ ถ้าเกิดเจอเมีย และพบว่า ไปมีคนอื่น ขอให้ช่วยกันลงมือยิง ซึ่งนายวีรภัทร ก็ตกลงและได้รับค่าจ้าง 4,000 บาท เนื่องจากตอนนั้นไม่มีเงิน
หลังจากนั้น ช่วงกลางคืน วันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา นายณัฐพล อ้างว่า ให้ช่วยไปตามเมีย ก่อนจะนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดย นายณัฐพล เป็นคนพกอาวุธปืนมาด้วย ซึ่งช่วงแรก นายณัฐพล เป็นคนขับรถ จยย. แล้วนายวีรภัทรซ้อนท้าย จากนั้นได้ส่งปืนมาให้นายวีรภัทรลงมือยิง แต่ตอนนั้น นายวีรภัทร ตกใจ ไม่คิดว่าจะทำขนาดนี้ ประกอบกับกล้องวงจรปิดจับภาพได้ตอนที่หยุดรถ และ นายวีรภัทร ลงจากรถ แล้วอยากจะเอาปืนไปซุกไว้ที่กอหญ้า แต่ปรากฏว่า นายณัฐพล ไม่ยอม บอกว่า “เดี๋ยวกูทำเอง” และให้นายวีรภัทรเป็นคนขับรถ
ซึ่งทำให้การของนายวีรภัทร อ้างว่า ตัวเองตั้งใจขับรถมาทางด้านซ้ายของรถเสียต้น เพราะคิดว่า หากยิงจากวิถีนี้ น่าจะแค่เฉียดเป้าหมาย แต่หากขับเอียงไปทางด้านขวา จะสามารถยิงเป้าหมายเข้าถูกจุดแน่นอน จึงพยายามขับรถชะลอไม่ให้ขับตามรถเสี่ยต้นทัน
ขณะที่จากการสอบปากคำผู้จ้างวานยังคงให้การภาคเสธ แต่ยอมรับว่า มีปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัว ส่วนเรื่องอื่นๆ ขอไม่ให้การ และขอไปต่อสู้ในชั้นศาลเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่า เป็นสิทธิของผู้ต้องหา โดยยืนยันว่า หลักฐานทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงไปถึงผู้จ้างวานฆ่า ทั้งพยาน บุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุและพยานเอกสาร ที่เป็นหลักฐานการโอนเงินและหลักฐานการติดต่อสื่อสาร
โดยในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เราพบว่าผู้จ้างวานฆ่าได้ติดต่อหามือปืนจากในอินเทอร์เน็ตและเป็นคนติดต่อเองพร้อมกับใช้เวลาในการนัดหมายลงมือประมาณ 1 อาทิตย์ ซึ่งเรารวบรวมครบถ้วน ก่อนยื่นต่อศาลอาญาฯ อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีได้
พล.ต.ต.นพศิลป์ ยังให้ข้อมูลอีกว่า ภรรยาเสี่ยต้น มีการจ้างให้กลุ่มมือปืน ยิงเสี่ยต้นหวังให้ตาย เพื่อประโยชน์เรื่องทรัพย์สินและเงินประกันชีวิต เชื่อว่า จุดประสงค์ในการก่อเหตุคือต้องการหวังเอาชีวิต แต่มือปืนดันทำไม่สำเร็จ ซึ่งทางมือปืน ให้ข้อมูลว่า ภรรยาเสี่ยต้นมีการโอนเงิน และให้เป็นเงินสดประมาณ 300,000 กว่าบาท นอกจากนี้ ยังพบว่า ภรรยาของเสี่ยต้น ไม่ได้รู้จักกับกลุ่มจ้างวานเป็นการส่วนตัว แต่มารู้จักเพราะต้องการให้ทำภารกิจนี้
ส่วนความรู้สึกของผู้ต้องหาทั้งหมด ก็เศร้าและเครียดพอสมควร สำหรับความเชื่อมโยงไปยังคดีที่ สภ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม เชื่อว่า คดีที่ สน.วังทองหลาง จะเป็นสารตั้งต้น ซึ่งพยานหลักฐานจะเชื่อมโยงไปถึงหรือไม่ ให้ทาง ตำรวจภูธรภาค 4 เป็นคนดำเนินการและขยายผลต่อ ทั้งนี้ หลังจากนี้ หากสอบปากคำแล้วพบว่ามีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด
ส่วนปืนของนายสาโรจน์ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนว่าไปซื้อมาจากที่ใด สำหรับประเด็นทางโทรศัพท์ที่ภรรยาหาข้อมูลซื้อไซยาไนด์ทางโลกออนไลน์นั้น ประเด็นนี้อยู่ในสำนวนแล้ว
@thaicrime4 บุกจับเมีย "เสี่ยต้น" จ้างวานฆ่าสามี สารภาพแค้นถูกนอกใจ ♬ เสียงต้นฉบับ - Thaicrime - Thaicrime