ชาวบ้านนครศรีธรรมราช 3 ครอบครัว เข้ายื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ช่วยเร่งรัดคดีลูกหลานถูกแก๊งวัยรุ่นในพื้นที่ไล่ยิงแทงฟันอย่างป่าเถื่อน ก่อนโพสต์อวดผลงานลงโซเชียลฯ แจ้งความตำรวจเรื่องกลับเงียบอ้างคดีเด็กทำยาก พบสมาชิกในแก๊งยังเป็นลูกตำรวจ
วันนี้ (20 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พาชาวบ้าน 3 ครอบครัวจาก จ.นครศรีธรรมราช เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดและดำเนินคดีกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ เนื่องจากมีการรวมกลุ่มดักทำร้ายเอามีดไล่แทงเด็กเยาวชนทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนตอนกลางคืน และขับรถไปตามหมู่บ้านเอาปืนออกมายิงชาวบ้านโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย อีกทั้งหลังก่อเหตุไม่รู้ใช้วิธีไหน เอากล้องวงจรปิดในพื้นที่ออกมาโพสต์อวดลงสตอรี่ ว่าไปไล่กระทืบคนมา นอกจากนี้มีพฤติกรรมชอบโพสต์โชว์ปืน ผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจในพื้นที่แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า ซึ่งตำรวจอ้างว่าคดีเด็กทำยากทำให้ชาวบ้านต้องอยู่อย่างหวาดกลัว
กัน จอมพลัง กล่าวว่า ตนเองได้ตรวจสอบแก๊งนี้ พบว่ามีสมาชิกทั้งหมด 40-50 คน มีลูกตำรวจอยู่ด้วย โดยแก๊งนี้จะก่อเหตุไปเรื่อย ประกาศศักดา คอยไล่ยิง ไล่ฟัน เด็กในพื้นที่ หลังจากเกิดเหตุ ยายของผู้เสียหายอายุ 72 ปี เดินทางไปแจ้งความ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกว่า เป็นคดีเยาวชน จับตัวยาก ดำเนินคดียาก เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ซึ่งหลานไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ทำให้ยายต้องเดินทางไปสถานีตำรวจถึง 3 ครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปฎิเสธไม่รับแจ้งความ บอกให้ผู้ปกครองเด็กมาแจ้งความเอง จึงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทำไมถึงไม่ให้ความช่วยเหลือประชาชน อย่างน้อยรับเรื่องแจ้งผู้ใหญ่บ้าน แจ้งกำนันในพื้นที่ ให้เข้าไปดูแลช่วยเหลือ ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงไม่บังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้อง
"ตอนนี้ชาวบ้านและประชาชนไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเดินทางมาหาตนเอง ตนจึงประสานท่าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยื่นหนังสือ และนำหลักฐานมาให้ช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว"กัน จอมพลัง ระบุ
ด้านมารดาของผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 22.00 น. ลูกชายของตนเองออกไปซื้อของที่ตลาดโต้รุ่งทุ่งสง อ. อำเภอทุ่งสง จว.นครศรีธรรมราช ก็พบกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ จากนั้นกลุ่มนี้ก็ยิงปืนใส่ลูกชายจากนั้นทั้งหมดก็ลงมามัดมือของลูกชายและรุมทำร้ายทั้งการใช้มีดฟันและใช้ปืนข่มขู่ ลูกชายของตนเองได้ยกมือขึ้นมาป้องกันไม่ให้โดนบริเวณศีรษะจึงทำให้ถูกฟันเข้าที่มือจนเอ็นขาด มีบาดแผลที่บริเวณศีรษะ เข่า และข้อเท้า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ได้ติดต่อไปทางห้างที่เกิดเหตุเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดแต่ทางห้างปฏิเสธอ้างว่าต้องให้ตำรวจเป็นคนมาขอแต่เธอพบว่าทางกลุ่มผู้ก่อเหตุมีคลิปกล้องวงจรปิดแล้วมาโพสต์ลงโซเชียลเป็นการยั่วยุ เธอจึงสงสัยว่าทำไมเด็กกลุ่มนี้ถึงได้กล้องวงจรปิดทั้งที่เป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ครอบครัวของเธอต้องอยู่อย่างวาดกลัวเนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยังวนเวียนอยู่หน้าบ้านของเธอ
ผู้เสียหายอีกราย ระบุว่า ลูกชายได้ไปเดินเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง และพบว่าได้มีกลุ่มวัยรุ่นเดินตามตลอดเวลาที่อยู่ในห้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเอะใจอะไร ต่อมาลูกชายก็ได้เดินลงมาที่ลานจอดรถ เพื่อที่เดินทางกลับบ้าน ในขณะที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านนั้น ปรากฏว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุได้ลงมาล้อมรถจักรยานยนต์ และรุมทำร้ายร่างกาย ใช้อาวุธมีดฟันมาที่หลัง อีกทั้งยังขโมยเสื้อที่ลูกชายซื้อมาเอาไปอีกด้วย เคราะห์ดีที่ลูกชายของตนสามารถวิ่งหนีออกมาไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านได้ทัน ต่อมาพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุได้นำภาพจากกล้องวงจรปิด มาโพสต์ลงโซเชียล ซึ่งผู้เสียหายเคยไปถามหาจากห้างสรรพสินค้า และห้างสรรพสินค้าก็ไม่ได้ให้ไปพร้อมกับอ้างว่าต้องมีหนังสือขออนุญาตจากทางตำรวจมา ผู้เสียหายจึงทำกลับบ้านและกลุ่มก่อเหตุนำคลิปดังกล่าวมาจากไหน ทางห้างสรรพสินค้าก็น่าจะตอบว่าเดี๋ยวจะขอไปตรวจสอบก่อนว่าคลิปดังกล่าวใครเป็นคนเผยแพร่
"นอกจากนี้โดยหลังจากแจ้งความแล้ว ทางตำรวจกับไม่ช่วยดำเนินการใด ๆ พร้อมกับบอกอีกว่า ทำไมเวลามีเรื่องต้องมาร้องให้ตำรวจช่วยเหลืออยู่ตลอด ทำไมไม่ไปหาผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนันบ้าง ซึ่งทำให้ตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องให้กัน จอมพลัง ช่วยเหลือเพราะตอนนี้ตนยังรู้สึกหวาดระแวง ขนาดได้ยินเสียงประทัดก็ยังทำให้รู้สึกหวาดกลัว"ผู้เสียหายรายนี้ ระบุ
ขณะที่ยายอายุ 72 ปี เล่าให้ฟังว่า หลานชายของตนถูกวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว ใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่ไต ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องพักรักษาตัวนานกว่า 6 เดือน ซึ่งหลังก่อเหตุยายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่ปรากฏว่าตำรวจได้ไล่ให้ยายไปตามหา พ่อและแม่ของเด็กมาแจ้งความ แต่ยายก็จนปัญญาเพราะพ่อ-แม่ เด็กทิ้งเด็กคนนี้ไว้ให้แกเลี้ยงตั้งแต่ 1 เดือน ทำให้ต้นรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังรู้สึกหวาดระแวง เนื่องจากว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ ยังคงชักชวนพรรคพวกมาชี้เป้าที่บ้านของตน และมาก่อความวุ่นวายใช้อาวุธปืนยิงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ด้าน พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร.และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และผู้บังคับการจังหวัดนครศรีธรรมราช เร่งรัดคดีดังกล่าว และทราบว่าได้เรียกประชุมและทราบตัวของผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจับกุม
"ในส่วนของพนักงานสอบสวนที่ใช้วาจาไม่เหมาะสม ทำให้ทางประชาชนไม่พอใจ จะทำการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งหากพลว่าผิดวินัยตำรวจ จะดำเนินการทางด้านวินัยอย่างแน่นอน ในส่วนของอาวุธไทยประดิษฐ์ที่นำมาโชว์ลงโซเชียล เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจับกุมผู้ครอบครองแล้ว 1 ราย พร้อมยึดอาวุธปืนไทยประดิษฐ์มาแล้ว 2 กระบอก"รอง โฆษก ตร. ระบุ
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุ หากพบว่าปล่อยประละเลย ให้บุตรหลานของท่านออกมาก่อเหตุแบบนี้ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย เช่นกัน ยืนยันจะไม่มีการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด และอยากให้ประชาชนมั่นใจ ว่าทางเจ้าหน้าที่ จะดำเนินการในทุกมิติ จะดำเนินการอย่างยุติธรรม และจับคนร้าย ทะลายแก๊งวัยรุ่นดังกล่าวให้ได้ทั้งหมด