ถ้าไม่มีอะไรแทรกแซงซ้อนเข้ามาเสียก่อน วันที่ 20 ก.พ.นี้ บก.สอท. หรือตำรวจไซเบอร์ จะเรียกตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. หรือบิ๊กโจ๊ก เข้าให้การต่อพนักงานสอบสวนคดีมินนี่
ในฐานะพยาน คดีที่ตำรวจลูกน้อง 8 คน ถูกดำเนินคดี ข้อหารับส่วยบ่อนพนันออนไลน์
พร้อมกันนี้ พนักงานสอบสวน อาจจะมีการแจ้งให้บิ๊กโจ๊กได้รับทราบด้วยว่า ตอนนี้ รองผบ.ตร.คนดัง ก็ถูกดำเนินคดีด้วย
หลังมีการสอบสวนขยายผล จากผู้ต้องหากลุ่มแรก แล้วมีหลักฐานโยงมาถึงตัวบิ๊กโจ๊กกับลูกน้องอีกชุด รวม 5 คน
หลักฐานที่ว่า ก็คือ “เส้นเงิน” หรือเส้นทางการเงิน จากเว็บพนันออนไลน์ เข้ามาถึงตัวบิ๊กโจ๊กจำนวนมหาศาล ประมาณ 300 ล้านบาท ผ่านบัญชีม้า ซึ่งมือขวาของบิ๊กโจ๊ก คือ พ.ต.อ.คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นคนถือ
ซึ่ง พ.ต.อ.คริษฐ์ ตอนนี้ ก็โดนจับข้อหารับเงินเว็บพนันออนไลน์แล้วถึง 2 คดี ล้วนแต่เป็นเครือข่าย "มินนี่" อายุน้อยร้อยเว็บ
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน สาวเส้นทางการเงินย้อนไปหลายปี เริ่มตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา เมื่อเงินมาถึงบัญชีม้าในมือของ พ.ต.อ.คริษฐ์ ก็มีการเบิกมาให้บิ๊กโจ๊กใช้ทำคดี ใช้รักษาพยาบาล และอื่นๆ
โดยมีเทคนิค “สังฆทานเวียน” กล่าวคือ พ.ต.อ.คริษฐ์ ถอนเงินสดมาให้บิ๊กโจ๊ก บิ๊กโจ๊กเอาไปให้เมีย แล้วเมียเอามาให้ พ.ต.อ.คริษฐ์อีกที เพื่อสร้างเส้นทางการเงินว่า เมียบิ๊กโจ๊ก ให้เงินส่วนตัว สนับสนุนสามีในการทำคดี
ซึ่งบิ๊กโจ๊กก็เคยอ้างถึงเรื่องนี้ว่า เมียตัวเองเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยเป็นพันล้าน มีธุรกิจเดินรถที่ภาคใต้ ก็เอาเงินส่วนตัวมาช่วยชาติ
แต่ทางพนักงานสอบสวนไม่เชื่อคำกล่าวอ้างดังกล่าว ก็ได้ตรวจสอบประเด็นนี้แล้ว พบว่าธุรกิจเดินรถของเมียบิ๊กโจ๊กที่อ้างถึงนั้น ไม่ได้มีผลประกอบการที่ดีแต่อย่างใด ดูจากการจ่ายภาษี และแสดงงบดุลบริษัท
จุดสลบของบิ๊กโจ๊ก ก็คือ การที่ พ.ต.อ.คริษฐ์ ทำบัญชีรายรับรายจ่ายเงินสกปรกไว้อย่างละเอียดยิบ ไม่มีตกหล่นแม้แต่รายการเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครกล้ายักยอกไปใช้เอง
การยึดคอมพิวเตอร์ของ พ.ต.อ.คริษฐ์ ไปตรวจ แล้วเจอรายการบัญชีเหล่านี้ จึงเป็นหลักฐานที่แน่นหนามาก
อย่างไรก็ดี การดำเนินคดีต่อบิ๊กโจ๊กก็มีอุปสรรคขวากหนาม เป็น ป.ป.ช. โดยผู้ต้องหาก้อนแรก ทาง ป.ป.ช. คืนให้ตำรวจ รับไปทำคดี ไม่มีปัญหาใดๆ
แต่พอผู้ต้องหาก้อนที่สอง ซึ่งมีชื่อบิ๊กโจ๊กรวมอยู่ด้วย ทาง ป.ป.ช. ที่รับเรื่องจากตำรวจไปตั้งแต่ปลายปี 2566 กลับดองเรื่องไว้ ไม่ยอมดำเนินการใดๆ ล่าสุดบอกว่าจะเอาคดึบิ๊กโจ๊กมาดำเนินการเอง
เลขา ป.ป.ช. นายนิวัติไชย เกษมมงคล อ้างว่าเพราะเป็นคดีที่นายตำรวจอย่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถูกกล่าวหา กลัวตำรวจจะกลั่นแกล้งกันเอง และห่วงคนกันเองอย่างบิ๊กโจ๊กจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ถ้าเป็นหน่วยงานอื่นพูด คนทั่วไปคงจะเชื่อ แต่ปปช.ยุคนี้พูดคนฟังแล้วสิ้นหวัง เพราะมันมีหลักฐานยืนยันว่าคนในปปช.กับบิํกโจ๊กผลัดกันเกาหลังอยู่ แม้วันนี้เจ๊ใหญ่ไม่อยู่แล้ว แต่บิ๊ก ก. ไก่ คนโตตัวจริงก็ยื่นมือมาอุ้นแทนแล้ว
หลังที่ ป.ป.ช.อยากเอาคดีบิ๊กโจ๊กให้ ปปช. เป็นพนักงานสอบสวนเอง ทำให้เกิดกระแสนินทาหมาดูถูก ว่าจะเป็นรายการมวยล้มต้มคนดู หรือไม่ และจะจบเหมือนคดีส่วยคาราโอเกะที่บิ๊กโจ๊กโดนเป็นผู้ต้องหา ที่สุดท้ายบิ๊กโจ๊กไม่ผิด ใช่หรือไม่ ?
ทั้งที่ตามหลัก ก็ควรส่งให้ตำรวจทำคดีเหมือนผู้ต้องหาก้อนแรก เพราะมันเป็นคดีเดียวกัน คือ เจ้าพนักงานรับส่วยเว็บพนันออนไลน์มินนี่ และกระทำการฟอกเงิน
การที่ ป.ป.ช.ออกตัว ตั้งท่าประวิงเวลา เหมือนจะอุ้มบิ๊กโจ๊ก จึงสอดรับกับที่บิ๊กโจ๊ก เคยพูดในคลิปลับว่า เขาเคลียร์กับ ป.ป.ช.ได้
คดีนี้ ไม่ใช่เรื่องเก่า ไม่ใช่นิทาน อย่างที่บิ๊กโจ๊กพยายามด้อยค่า และไม่ใช่เรื่องการเมืองตำรวจ ระหว่างบิ๊กกับบิ๊ก
แต่คือ เรื่องจริงของกลุ่มตำรวจสีเทาที่ทำผิดกฎหมายเสียเอง แล้วสะกดจิตตัวเองว่าเป็นคนดี
ฉากหน้า ฉายภาพปราบปรามออกสื่อ ฉากหลัง เรียกมาเคลียร์เก็บเงินดำ และมีคนในทีมเป็นเจ้าของเว็บเสียเอง โดยทำกันมานานแล้ว แต่ไม่มีใครจับได้ต่างหาก
เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แถมยังเคยคุมศูนย์ปราบพนันออนไลน์มาก่อน ทำคดีฟอกเงินมามาก จึงรู้วิธีหลบหลีกซ่อนเร้น
การใช้บัญชีม้าสลับหมุนเวียน มีการวางตัวคัตเอาต์ เป็นอย่างดี คือการใช้วิธีการของมิจฉาชีพเต็มตัว มีการทำงานกันอย่าง องค์กรอาชญากรรม ที่มีสมาชิกองค์กรส่วนใหญ่เป็นตำรวจ