รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เผยแจ้งข้อหาตามความผิด พ.ร.บ.อุ้มหายฯ อดีต ผบก.ชลบุรี-พลเรือน รวม 21 ราย คดีรีดทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้านบาท คาดจะสรุปสำนวนส่งอัยการไม่เกิน 2 เดือน
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่ ที่ห้องประชุมตึกกองบังคับการกฎหมายและคดีตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจภูธรภาค 1 ถนนวิภาวดี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับทรัพย์จากเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ 140 ล้านบาท หรือ คดี “เป้รักผู้การ” และ นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน นัดหมาย พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กับพวก ทั้งที่เป็นตำรวจและพลเรือน มารายงานตัวเพื่อแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ และความผิดเกี่ยวกับการเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โดย นายวัชรินทร์ เปิดเผยว่า การแจ้งข้อกล่าวหาม พ.ร.บ.อุ้มหายในวันนี้ สืบเนื่องจากการประชุมร่วมกันระหว่างอัยการจากสํานักงานอัยการสอบสวน ซึ่งเป็นผู้กํากับตรวจสอบการสอบสวนตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่ามีพยานหลักฐานยืนยันว่ามีกลุ่มที่จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย จึงออกหมายเรียกเข้ามารับาราบข้อกล่าวหา แบ่งเป็นกลุ่มของอดีตผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดชลบุรี จํานวน 17 คน และกลุ่มของนายบอย พัทยาหรือเสี่ยบอย จํานวน 4 คน ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้จะไม่เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาซํ้ากับชุดทํางานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ดําเนินคดีไว้ตั้งแต่แรกซึ่งเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาในเรื่องความผิดต่อเจ้าพนักงานหรือ ม.157 แต่ยังไม่มีการแจ้งความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ก่อนที่จะเปลี่ยนชุดทํางานจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาเป็น พล.ต.ท.อัคราเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ทั้งนี้นี้ยังมีอีกกลุ่ม คือ กลุ่มที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังไม่ได้แจ้งข้อหาในล็อตแรก แต่คณะทำงานชุดปัจจุบันเห็นว่ามีความผิด จึงเรียกมาแจ้งข้อหาใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ 3 นาย และพลเรือนอีก 9 คน
นายวัชรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า เบื้องต้นกลุ่มผู้ต้องหาจะทยอยเดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้และพรุ่งนี้ เนื่องจากมีจํานวนค่อนข้างเยอะ ส่วนวันนี้ใครจะเข้ามาบ้างนั้นไม่สามารถตอบได้เพราะบางคนอาจจะขอเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตามได้เตรียมชุดพนักงานสอบสวนฝ่ายตํารวจและอัยการ สำนักงานการสอบสวนเข้าร่วมกันในการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว โดยจะไม่มีการสอบปากคําใดๆทั้งสิ้น เป็นการเรียกเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้น ซึ่งหลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้มีอํานาจหน้าที่ในการสรุปสํานวนการสอบสวนโดยอัยการจะเป็นผู้ตรวจสอบว่าเห็นด้วยหรือไม่กับความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องใครซึ่งต้องมีการปรึกษากับทีมอัยการสอบสวนด้วย
ทั้งนี้คาดว่าหลังจากแจ้งข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้วคณะทำงานจะสรุปสำนวนเสนออัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตไม่เกิน 2 เดือน ขึ้นอยู่กับผู้ต้องหาว่าจะอ้างพยานหลักฐานใดให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหาด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าการร้องขอความเป็นธรรมทุกเรื่อง คณะทำงานจะต้องสอบสวนเพิ่มทั้งหมด ต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ด้วย ส่วนกรอบระยะเวลาไม่มีเพราะผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ในอํานาจฝากขังของศาล จึงทําให้อัยการมีเวลาในการพิจาณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องมากขึ้น