xs
xsm
sm
md
lg

รวบ “กิ๊ป บ้านช่างหล่อ” บัญชีม้าแก๊งตุ๋นลงทุนซื้อชุดตรวจโควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุม “กิ๊ป บ้านช่างหล่อ” ผู้ต้องหารับเปิดบัญชีม้า ให้แก๊งหลอกร่วมลงทุนซื้อชุดตรวจโควิด

วันนี้ (23 ธ.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และชุด PCT5 ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมนางสาวกาญจนาพร หรือกิ๊ป บ้านช่างหล่อ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 709/2566 ลงวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและเป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ บริเวณลานจอดรถคอนโด ซอยจรัญสนิทวงศ์ 4 แขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา

โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลอกชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนซื้อชุดตรวจโควิด หลอกขายตั๋วภาพยนตร์ หลอกขายโค้ตป๊อปคอร์น โดยเฉพาะในการหลอกร่วมลงทุนซื้อชุดตรวจโควิด มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 8,346,974 บาท ซึ่งในชั้นจับกุม นางสาวกาญจนาพร ให้การภาคเสธ ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการข้อหาฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ แต่ยอมรับว่า เมื่อช่วงประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ได้มีบุคคลซึ่งรู้จักกับผ่านทางกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อขายบัญชีธนาคาร ชื่อกลุ่ม “ซื้อ/ขายบัญชีธนาคาร” ชื่อเล่นว่า “ส้ม” ซึ่งขณะนั้นใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊กว่า “สายป่าน สายหยุด” (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อบัญชีมาใช้ชื่อบัญชี “เมื่อมีนัด สายเสมอ” ทราบชื่อ-สกุลจริงภายหลัง คือ นางสาวอลิษา อายุ 32 ปี ได้มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กกลุ่มซื้อบัญชีธนาคารกลุ่มดังกล่าว ว่า “ขอคนพร้อมทำ ทหารไทย 3 เล่ม กทม. ลาดพร้าว บางกะปิ” เมื่อตนเห็นจึงเกิดความสนใจ เนื่องจากช่วงเวลานั้นเป็นช่วงสถานการณ์โควิด ตนไม่เงินใช้จ่าย จึงได้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวทักไปหา น.ส.ส้ม ว่าตนสนใจที่จะเปิดบัญชีธนาคารให้ น.ส.ส้ม เสนอค่าจ้างในการเปิดบัญชีให้ 1,500 บาท เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ตนได้ถ่ายภาพบัตรประจำตัวประชาชนส่งให้ น.ส.ส้ม เพื่อตรวจสอบประวัติคดี เมื่อตรวจสอบประวัติคดีผ่าน น.ส.ส้ม ได้ขอเบอร์โทรศัพท์ตนเพื่อไว้ติดต่อและนัดหมายสถานที่เพื่อไปทำการเปิดบัญชีที่ธนาคาร โดยนัดหมายกับเปิดบัญชีที่ ธนาคารทหารไทย สาขาห้างเซ็นทรัลบางนา เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 65

นอกจากนี้ บางครั้ง นางสาวส้ม ยังจ้างให้ตนทำหน้าที่โทรศัพท์หาธนาคารต่างๆ ซึ่งเป็นธนาคารเจ้าของบัญชีเพื่อเช็กสถานะบัญชีของบุคคลที่ นางสาวส้ม จ้างให้เปิดบัญชีเพื่อทราบว่าบัญชีธนาคารที่จ้างเปิดแต่ละบัญชีนั้นมีความเคลื่อนไหวทางบัญชีหรือไม่ อย่างไร โดยได้ค่าจ่างครั้งละ 500 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 65 ซึ่งเป็นวันที่ตนถูกจับตามหมายจับในความผิดฐาน “โดยทุจริต นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” ท้องที่ สน.ทุ่งสองห้อง ตนได้ทักเฟซบุ๊กไปหา นางสาวส้ม เพื่อแจ้งว่าตนถูกจับ ปรากฏวว่า นางสาวส้ม ได้พิมพ์ข้อความตอบกลับมาว่า “ซื้อเฟซบุ๊กต่อมา ไม่ทราบเรื่องว่าผู้ใช้คนเก่าใช้ทำอะไรมา” และอีกประมาณ 1-2 อาทิตย์ เฟซบุ๊กดังกล่าวที่ นางสาวส้ม เคยใช้คุยกับตนก็ทำการปิดกั้นเฟซบุ๊กตน ทำให้ไม่สามารถติดต่อ นางสาวส้ม ได้อีกเลย จนมาถูกจับกุมในครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารมาแล้วประมาณ 4 บัญชี ประกอบด้วย บัญชีธนาคารไทยพาณชย์ บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา บัญชีธนาคารธนชาตทหารไทย และบัญชีธนาคารกสิกรไทย ทุกบัญชีไม่สามารถจำเลขที่บัญชีธนาคารได้

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติคดีในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่านางสาวกาญจนาพร หรือ กิ๊ป เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีในฐานข้อมูล จำนวน 3 คดี ประกอบด้วย 1) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงดอนเมือง ที่ จ.135/2565 ลงวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” สถานะถูกจับกุม

2) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 345/2566 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” สถานะถูกจับกุม

3) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 709/2566 ลงวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว นางสาวกาญจนาพร ผู้ต้องหาตามหมายจับ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ปทุมธานีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชน ว่า ในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย โทษกรณีการเปิดบัญชีม้า ณ ปัจจุบัน มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า) นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (คนจัดหาบัญชีม้า) หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ ผบ.ตร.
กำลังโหลดความคิดเห็น