ศาลอาญาจำคุก 3 ปี ปรับ 11,100 บาท "ไบรท์- ชินวัตร" ปราศรัยม็อบไล่อดีตนายกฯตู่ ปี 63 ผิดมาตรา 112 หลังกลับคำรับสารภาพ ส่วนสำนวนคดีอานนท์นัดสืบพยาน มี.ค.ปีหน้า ล่าสุดไม่มีญาติ "ไบรท์- ชินวัตร"ยื่นประกันแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 914 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี ดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.2887/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ นายชินวัตร หรือไบรท์ จันทร์กระจ่าง นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล น.ส.จิรฐิตา ธรรมรักษ์ และนายคริษฐ์ อร่ามพิบูลกิจ(หลบหนี)
แกนนำคณะราษฎร ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามกฎหมายอาญา มาตรา112 ฐานร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความสะดวกในการจราจร มาตรา 116
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 1-3 ธันวาคม 2563 ต่อเนื่องกันพวกจำเลยได้จัดกิจกรรม#ม็อบ 2 ธันวา ไล่จันทร์โอชาออกไปโดยชุมนุมปราศรัย ยุยง ปลุกปั่น พาดพิงให้ร้ายสถาบันด้วยถ้อยคำหยาบคาย มีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 3,000 คน บริเวณห้าแยกลาดพร้าว หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ถ.พหลโยธิน กทม.เกี่ยวพันกัน พวกจำเลยให้การปฏิเสธ
โดยในวันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาเฉพาะในส่วนเฉพาะของนายชินวัตร ที่กลับคำให้การเป็นรับสารภาพ เมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาว่า นายชินวัตร จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112,116 (2)(3) 215,216,385 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 108,114, วรรคหนึ่ง มาตรา 148 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง มาตรา 9 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 19,57 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 34,35,51,52 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 และ18
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามป.อาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ จำคุก 4 ปี ความผิดตามป.อาญา มาตรา 116 (2)(3) มาตรา 215,216 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามป.อาญามาตรา 116 (2)(3)ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีบทลงโทษหนักที่สุด จำคุก 2ปี ฐานร่วมกันฝ่าฝืนพ.ร.บ.การจราจรมาตรา 108,114 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ร.บ.ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองพ.ศ.2535 มาตรา 19 และความผิดตามป.อาญา มาตรา 385 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม ป.อาญา มาตรา 385 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ปรับ 2,000 บาท ฐานร่วมกันโฆษณา ใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 200 บาท ฐานร่วมกันฝ่าฝืนพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 34,35 และฐานร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องลงโทษฐานร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนด ตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามป.อาญา มาตรา 90 ปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 6 ปี และปรับ 22,200 บาท
นายชินวัตร จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกนายชินวัตร 3 ปี ปรับ 11,100 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก โดยมีรายงานว่าขณะนี้จำเลยอยู่ระหว่างยื่นขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์
ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดีทุกคนยกเว้นนายชินวัตร ซึ่งมากลับคำให้การในช่วงเดือนพ.ย.ส่วนรายละเอียดที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุกนายชินวัตร วันนี้ตนไม่ทราบเนื่องจากมีการเปลี่ยนทนายความ ในส่วนนายอานนท์กับพวกที่เเยกออกเป็นอีกสำนวนให้การปฏิเสธ ศาลนัดสืบพยานอีกครั้งเดือนมีนาคมปีหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับคดีนายชินวัตร หรือ ไบรท์ จันทร์กระจ่าง 1 ใน แกนนำคณะราษฎร จำเลยคดีดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
ตามมาตรา 112 และข้อหาอื่น ที่ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 11,100 บาท โดยไม่รอลงอาญาแล้วนั้น ปรากฏว่าเมื่อหมดเวลาทำการแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีญาติของนายชินวัตร จำเลยมายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดีแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายชินวัตรไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯตามคำพิพากษาต่อไป