“ชัยวัฒน์” ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ให้การปฏิเสธ คดี “รัชฎา” ฟ้องหมิ่นประมาท-แจ้งความเท็จ พาเจ้าหน้าที่ล่อซื้อ ปมพาดพิงเรียกรับเงินสินบน ค่าตำแหน่ง ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก 10 ก.ย. 2567
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (13 พ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน ในคดีที่ รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ฟ้อง ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ในข้อหาแจ้งความเท็จ ทำพยานหลักฐานเท็จ แจ้งความเท็จให้ต้องรับโทษทางอาญา หมิ่นประมาท และแจ้งให้จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ซึ่งศาลอาญาประทับฟ้องไว้ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2566
คำฟ้องโจทก์ระบุว่า ชัยวัฒน์ จำเลย ได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อแกล้งให้โจทก์ได้รับโทษ โดยจำเลยแจ้งว่าเมื่อเดือนเมษายน 2564 ถึงปัจจุบัน โจทก์ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งโดยเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองโดยมิชอบ กล่าวหาโจทก์ว่ามีนโยบายก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยการที่โจทก์มีคำสั่งโยกย้าย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งเต้นที่สำนักงานอธิบดีรายละประมาณ 200,000-300,000 บาท หากผู้ใดไม่วิ่งเต้นก็จะถูกโยกย้ายทำให้เดือดร้อน เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่หัวหน้าหน่วยภาคสนามจะต้องจ่ายเงินเป็นรายเดือนต่อเดือนให้กับโจทก์ ทำให้พนักงานสอบสวนจดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2565 จำเลยยังได้วางแผนขอเข้ามาพบโจทก์ วางแผนกลั่นแกล้งโจทก์ โดยแอบซุกซ่อนกล้อง ซึ่งสามารถบันทึกภาพและเสียงตอนเข้าพบโจทก์ ขณะเดียวกัน จำเลยได้นำซองกระดาษสีขาว ทราบภายหลังว่าคือซองบรรจุเงินจำนวน 98,000 บาท ออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นจำเลยก็ออกจากห้องโจทก์ไป ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาในห้องโดยไม่มีหมายค้น และอ้างว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า และค้นพบซองบรรจุเงิน 98,000 บาท ซึ่งจำเลยวางทิ้งไว้ ทำให้โจทก์เกิดความเสียหายและเป็นการกลั่นแกล้ง
ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91, 137, 172, 173, 174, 179, 181, 267 และ 326
ในวันนี้ นายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความโจทก์ และ นายชัยวัฒน์ จำเลย เดินทางมาศาลพร้อมกับ นายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ทนายความจำเลย
เมื่อถึงเวลานัด นายชัยวัฒน์ ได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ขณะที่ทนายความโจทก์แถลงขอนำพยานเข้าสืบจำนวน 20 ปาก ใช้เวลา 5 นัด ส่วนทนายความจำเลยแถลงขอนำพยานเข้าสืบจำนวน 3 ปาก ใช้เวลา 2 นัด ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต โดยนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 10 ก.ย.2567 เวลา 09.00 น.
นายชัยวัฒน์ ให้สัมภาษณ์ว่า มาศาลตามนัดวันสืบพยาน คดีที่นายรัชฎา อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ยื่นฟ้องกล่าวหาว่า กลั่นแกล้ง มีหลักฐานเท็จ สร้างสถานการณ์พาเจ้าหน้าที่ไปจับกุม ซึ่งเราเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ ไม่ได้กลั่นแกล้ง เมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นลักษณะอย่างนั้น และที่กล่าวอ้างว่าเราสร้างสถานการณ์นั้น เงินจำนวน 98,000 บาท ไม่ใช่ของตน รวมทั้งเงินสดอื่นอีกจำนวน 5 ล้านบาทล่ะเป็นของใคร ก็ต้องชี้แจงกันไปตามนั้น
“เขากล่าวหาว่าเราไปกลั่นแกล้ง เมื่อเราใช้กระบวนการของรัฐมี เจ้าหน้าที่รัฐ เป็น ปปป. ป.ป.ช. ป.ป.ท.เข้าร่วม และผมร้องเรียนมาตั้งแต่เดือน พ.ค.- มิ.ย. 2564 แล้ว ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่แรก โดยเขาฟ้องไว้ 2 ศาล คือ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งให้ยกฟ้อง แต่ศาลอาญาเห็นว่า มีพยานบางคนกลับคำให้การ ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายโจทก์ ซึ่งศาลท่านก็ต้องการสืบพยานทั้งหมด เมื่อเราเป็นจำเลย ก็มีหน้าที่ต้องแก้ต่างให้ได้ โดยมีหลักฐานที่เป็นความจริง และเชื่อว่าสังคมย่อมเห็นอยู่แล้ว ฉะนั้น จึงไม่ขอพูดว่าใครผิดใครถูก สังคมและเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะกรมอุทยานแห่งชาติฯ รับรู้เรื่องนี้มาตลอด เดี๋ยววันสืบพยานก็จะรู้ว่า พยาน 4-5 คนที่เขาอ้างว่ากลับคำให้การ นั้นพยานเขาปฏิเสธในฐานะอะไร มีความจำเป็น ความกดดันอะไรหรือไม่