ปอท.ลุยค้น 12 จังหวัด กวาดล้างพ่อค้าปืนออนไลน์ รวบผู้ต้องหา 8 ราย ยึดปืน-กระสุนเพียบ พบ 1 ราย แอบขายกระสุนให้เด็ก 14 ปี ใช้กราดยิงกลางห้าง
วันนี้ ( 28 พ.ย.) พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิลาลัย รอง ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.2 บก.ปอท. และ พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท. แถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างผู้ค้าอาวุธปืนผ่านโซเชียล
พล.ต.ต.อธิป กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น 12 จังหวัด 21 จุด คือ กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรสาคร, สมุทรปราการ, พระนครศรีอยุธยา, ชลบุรี, อุดรธานี, พิจิตร, เชียงใหม่, กาญจนบุรี และ นครศรีธรรมราช สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 ราย แจ้งข้อหา “มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” นอกจากนี้ยังจับกุม นายอภิเชษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับ อนุญาต” ได้อีก 1 ราย ได้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังสืบทราบว่าเป็นผู้ที่ขายและส่งกระสุนให้กับเด็กชายอายุ 14 ปี นำไปใช้กราดยิงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.อธิป กล่าวต่อว่า ผลการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายและจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางเป็น อาวุธปืนยาว 4 กระบอก , อาวุธปืนสั้น 3 กระบอก , แบลงค์กัน 3 กระบอก , ปืนไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก , เครื่องกระสุนอีกหลายขนาด รวม 110 นัด และ อุปกรณ์ส่วนควบ อาทิ ที่เก็บเสียง , ลำกล้อง , ชุดลั่นไก กว่า 22 ชิ้น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่พบว่ามีกลุ่มคนร้ายที่ฉ้อโกงด้วยการหลอกขายอาวุธปืนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีการเปิดเพจขายอาวุธปืนหลอกเหยื่อ เมื่อมีการโอนเงินซื้อขายฝ่ายคนร้ายก็จะไม่ส่งสินค้าให้ จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายกลุ่มนี้มี 10 คน จึงได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และจับกุมคนร้ายไว้ได้ 8 คน โดยมี 5 คน ที่รับสารภาพว่า เป็นคนสร้างเฟซบุ๊ก , ทวิตเตอร์ ประกาศขายปืน , แบลงค์กัน , ปืนปากกา , เครื่องกระสุนปืนขึ้นมา หลอกประชาชนที่สนใจอาวุธปืน และเคยถูกโกงลักษณะนี้มาก่อนเลยมาก่อเหตุเพื่อเอาเงินคืน ส่วนอีก 3 คน รับสารภาพว่ามีการรับจ้างเปิดบัญชีม้า เพื่อรับโอนเงินจากการกระทำความผิดของขบวนการนี้
พล.ต.ต.อธิป กล่าวอีกว่า ทางตำรวจ กก.2 บก.ปอท.ตรวจสอบเส้นทางการเงินของแก๊งนี้ พบว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หลอกลวงผู้เสียหายไปแล้ว 180 คน รวมมูลค่าความเสียหาย 655,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการซื้อขายอาวุธปืนผิดกฎหมายจึงทำให้ไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแต่อย่างใด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังมีปฏิบัติการปิดกั้น URL ที่มีการประกาศขายอาวุธปืน ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ในช่วงตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ได้ทำการสืบสวนรวบรวม พยานหลักฐาน เพื่อปิดกั้นเว็บเพจ เฟซบุ๊ก และ ทวิตเตอร์ ที่มีการประกาศขายอาวุธปืน, แบลงค์กัน, ปืนปากกา, ปืนไทยประดิษฐ์ และเครื่องกระสุนปืน โดยได้ทำการปิดกั้นไปแล้วทั้งสิ้น 146 URL แบ่งเป็น URL Facebook จำนวน 48 URL และ URL Twitter จำนวน 98 URL เบื้องต้นตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการระดมเจ้าหน้าที่และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกวาดล้างการจำหน่ายปืนผ่านสังคมออนไลน์ โดยมีการดำเนินการใน 3 มิติ ซึ่งในส่วนของมิติแรก คือการจับกุมผู้ค้าอาวุธปืนผ่านโซเชียล และหนึ่งในเป้าหมายของเจ้าหน้าที่ คือ นายอภิเชษฐ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของ สน.ยานนาวา ซึ่งผลการจับกุมครั้งนี้มาจากการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนก่อนหน้านั้น และมีการตรวจสอบเพิ่มเติมจนเจอตัวผู้ต้องหารายนี้ เบื้องต้นเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ
พ.ต.อ.เนติ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้น พบว่า นายอภิเชษฐ์ เป็นผู้ต้องหารายสุดท้ายที่เกี่ยวพันกับคดีเด็กชายอายุ 14 ปี กราดยิงในห้างสรรพสินค้า โดยเป็นคนขายกระสุนปืนให้กับเด็ก ซึ่งแนวทางการสืบสวนพบว่า ก่อนหน้านั้น เด็กชายได้มีการสั่งซื้อกระสุนปืนกับผู้ต้องหากลุ่มแรกที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ในขนาด 9 มม. แต่เมื่อซื้อมาแล้ว ก็ไม่สามารถใช้งานได้ จึงได้มีการสั่งกระสุนกับนายอภิเชษฐ์อีกครั้ง ในขนาด .38 มม. และกระสุนถูกจัดส่งมาในช่วงเช้าวันที่ 3 ตุลาคม ก่อนที่ในช่วงเย็น จะเกิดเหตุกราดยิงขึ้นในห้างสยามพารากอน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คุมตัวนายอภิเชษฐ์ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป