xs
xsm
sm
md
lg

พลทหารถูกซ้อมตาย เชื้อชั่วไม่มีวันตาย 12 ปี ทวงความยุติธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ พลทหารถูกซ้อมตาย เชื้อชั่วไม่มีวันตาย 12 ปี ทวงความยุติธรรม



จากกรณีพลทหารวิเชียร เผือกสม ถูกซ้อมอย่างเหี้ยมโหดด้วยฝีมือของผู้บังคับบัญชาด้วยความผิดฐานหนีออกจากค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส ต้นสังกัด 2 ครั้ง จนกระทั่งพลทหารเคราะห์ร้ายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2554 ทำให้ครอบครัวออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม

โดยนางสาวนริศราวัลย์ แก้วนพรัตน์ เป็นแกนหลักในการต่อสู้เพื่อเอาผิดผู้กระทำ ทั้งที่ในขณะนั้นนางสาวนริศราวัลย์เป็นเพียงนักศึกษาชั้นปีที่สอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

แต่ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งไม่ย่อท้อหวาดหวั่นต่ออิทธิพลและอำนาจมืดของคนมีสีที่พยายามปกปิดความจริงให้ความช่วยเหลือพวกเดียวกัน พร้อมกับข่มขู่นางสาวนริศราวัลย์หรือเมย์ซึ่งเป็นหลานสาวของพลทหารวิเชียรที่เสียชีวิต โดยหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุยศร้อยโทเป็นบุตรชายของนายทหารชั้นนายพล

จากนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ในวันที่เกิดเหตุและเป็นผู้สูญเสีย ในวันนี้เมย์และครอบครัวเผือกสมก็ได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ทวงคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตที่ต้องใช้ระยะเวลาถึง 12 ปี
เมื่อศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 2 มีคำพิพากษาในคดีการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร เผือกสม ตัดสินลงโทษจำเลยรวม 10 คน ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายโดยไม่เจตนา ซึ่งจำเลยแต่ละคนก็ได้รับโทษแตกต่างกัน

โดยจำเลยที่หนึ่งยศร้อยโทในขณะนั้นคือ ร้อยโทภูริ เพิกโสภณ ซึ่งเป็นบุตรชายนายพลและได้รับการประกันตัวระหว่างการดำเนินคดีถูกจำคุก 2 ปี จำเลยที่สองยศร้อยตรี จำคุก 4 ปี จำเลยที่สาม จำคุก 3 ปี ที่เหลืออีก 5 คน จำคุกคนละ 2 ปี ขณะที่จำเลยที่ 10 หลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษา และจำเลยที่ 6 เสียชีวิตก่อนถึงวันพิพากษา

หลังศาลทหารมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 แม้จะไม่ปรากฏรายละเอียดว่าจำเลยเหล่านี้ถูกจำคุกจริงหรือ โทษจำคุกรอลงอาญา แต่ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นการจำคุกจริง เพราะมีผู้เสียชีวิตจากการกระทำของกลุ่มนายทหารสัญญาบัตรและประทวนที่เป็นผู้บังคับบัญชาของพลทหารเหยื่อโหด
ซึ่งนั่นหมายความว่า ทั้งหมดจะต้องถูกถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์อย่างเป็นทางการในขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้นางสาวนริศราวัลย์หรือเมย์ได้โพสต์เฟสบุ๊ค บอกเล่าเรื่องราวที่ตนเองต้องเผชิญตลอดระยะเวลาที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมจากการเสียชีวิตของคนในครอบครัว ทำให้เธอถูกคุกคามจากอำนาจมืดของคนมีสี ทั้งการส่งกระสุนปืนมาในซองเมื่อมีการสวดศพพลทหารวิเชียร การส่งคนมาข่มขู่ถึงบ้าน

และที่หนักที่สุดก็คือ การแจ้งความดำเนินคดีกับเธอในข้อหา “หมิ่นประมาท” กล่าวหาว่าเธอเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จจากกรณีการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร ทำให้เธอตกเป็นผู้ต้องหาถูกจับกุมทั้งที่เธอไม่เคยได้รับหมายเรียกและนำตัวไปพิมพ์ลายนิ้วมือบนสถานีตำรวจจังหวัดนราธิวาส และต้องต่อสู้คดีจนกระทั่งมีการยกฟ้องว่าเมย์เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

สิ่งต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้าใส่หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่เป็นคนธรรมดาปราศจากเส้นสายและพวกพ้อง ยิ่งทำให้หัวใจและจิตวิญญาณของเธอแข็งแกร่งมากขึ้น

เมย์ยังคงเดินหน้าไม่ท้อถอยและฟ้องเรียกค่าชดเชยจากกองทัพบก เพื่อให้จ่ายสินไหมทดแทนแก่ทายาทผู้เสียชีวิตจนศาลมีคำพิพากษาในคดีแพ่งให้กองทัพบกจ่ายเงินจำนวน 7 ล้านบาทให้แก่ครอบครัวเผือกสม ซึ่งนับเป็นชัยชนะครั้งแรกที่เมย์ได้จากการต่อสู้อันยาวนานที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2554 ก่อนที่การตอ่สู้ของเธอจะจบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์ในวันนี้เมื่อศาลทหารมีคำพิพากษาจำคุกผู้กระทำผิดดัง

ซึ่งบางครั้งที่รับรู้รายละเอียดของการทำร้ายพลทหารวิเชียรอย่างทารุณตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืนด้วยวิธีการทุกรูปแบบซึ่งมีการเปิดเผยทางสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งอาจจะเห็นว่า ศาลลงโทษน้อยไปด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม หากย้อนดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่พลทหารวิเชียร เผือกสม ถูกซ้อมในค่ายทหารอย่างโหดเหี้ยมจนเสียชีวิต กองทัพบกซึ่งมี “ทหารเกณฑ์” มากที่สุดเมื่อเทียบกับกองทัพอากาศและกองทัพเรือ ยังคงมีข่าวฉาวจากกรณีซ้อมพลทหารมาโดยตลอด ซึ่งเหยื่อมีทั้งที่บาดเจ็บหนักและเสียชีวิต โดยเหตุที่เกิดกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคที่มีค่ายทหารตั้งอยู่

ความเป็นจริงอันยากที่กองทัพบกจะปฏิเสธได้ก็คือ การเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร เผือกสม เหยื่อถูกซ้อมในค่ายทหารจังหวัดนราธิวาสมิได้เป็นเยี่ยงอย่างให้หน่วยทหารอื่น ๆ มีจิตสำนึกในการดูแลปฏิบัติต่อพลทหารในบังคับบัญชาของตนแม้แต่น้อย

ทั้งที่ผู้บังคับบัญชาระดับ ผบ.ทบ. ออกมาย้ำเตือนในเรื่องดังกล่าวแทบทุกครั้งที่มีข่าวฉาวและพยายามสร้างภาพมาตลอดว่า พลทหารคือ “น้องเล็ก” คนสุดท้องของกองทัพที่ได้รับการดูแลอย่างดี ภายใต้สโลแกนสวยหรูที่ว่า “เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิด” และมีการเผยแพร่ภาพชีวิตความเป็นอยู่อันอบอุ่นของพลทหารภายในค่ายให้สาธารณชนรับรู้ผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในทุกปี โดยเฉพาะวันที่จัดให้มีการเยี่ยมญาติหลังการฝึกทหารใหม่ผ่านไปครบ 3 เดือน

ความจริงอันน่าเจ็บปวดและกองทัพบกอาจไม่อยากกล่าวถึงก็คือ การเพิกเฉยละเลยต่อการไต่สวนลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและรวดเร็วคือสิ่งเดียวที่จะช่วยป้องกันไม่ให้การทำร้ายร่างกายพลทหารซึ่งเป็นเสมือนเชื้อชั่วไม่มีวันตายเกิดขึ้นอีกเหมือนเช่นที่หญิงสาวหัวใจแกร่งที่ชื่อเมย์หรือนางสาวนริศราวัลย์กล่าวไว้ในท้ายที่สุดว่า

การที่เราปล่อยให้คนที่กระทำความผิดลอยนวล กองทัพบกก็จะยิ่งได้รับความเสียหาย คนที่มีอำนาจเป็นผู้บังคับบัญชาในทุกระดับชั้น แต่เลือกที่จะช่วยเหลือพวกพ้องในทุกขั้นตอน ก็ไม่ต่างอะไรกับเป็นคนเลวเสียเอง

--------------------------------
**หมายเหตุ
แอป Sondhi App ดาวโหลดได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น