วันที่ 18 พฤศจิกานยน 2566 ณ ห้องประชุม ๒๒๒ สนามราชมังคลากีฬาสถาน การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมวิ่งเปี้ยวประเทศไทยจัดงานแถลงข่าวการแข่งขันวิ่งเปี้ยวชิงแชมป์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 4 ประจำปี 2566 เพื่อการพัฒนาจากการละเล่นไทยไปเป็นกีฬาของไทยอีกหนึ่งชนิด
สมาคมวิ่งเปี้ยวประเทศไทย ร่วมกับสมาคมกีฬากีฬาไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, เมืองโบราณจังหวัดสมุทรปราการ,และภาคีเครือข่าย เช่น มูลนิธิพัฒนาเยาวสตรีภาคเหนือ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, สมาคมเยาวชนจิตอาสาพัฒนา และองค์กรรวมใจไทยช่วยชาติแห่งประเทศไทย ที่ร่วมให้การส่งเสริมวิ่งเปี้ยว
ในงานแถลงข่าว นายณัทชลัช ผดุงสรรพ นายกสมาคมวิ่งเปี้ยวประเทศไทย กล่าวว่า “ปี 2560 ผมได้ไปงานแข่งขันกีฬารายการหนึ่ง แล้วบนเวทีมีการแสดงการละเล่นไทย ทำให้ผมเกิดรู้สึกหดหู่ และคิดว่าทำไมเราต้องมาดูการละเล่นของไทยเป็นแค่การแสดง แต่กลับไปส่งเสริมชื่นชมกีฬาสากลกันอย่างบ้าคลั่ง คงจะดีไม่น้อยหากคนทั่วโลกมาเล่นและส่งเสริมกีฬาของไทยอย่างบ้าคลั่งบ้าง ผมจึงนึกถึงวิ่งเปี้ยวซึ่งเป็นการละเล่นไทยอายุมากกว่า 150 ปี ที่ผมเคยเล่นสมัยเด็ก แต่ไม่เคยเห็นมากกว่า 10 ปีแล้ว คงต้องเป็นผมที่ต้องเริ่ม ไม่อย่างนั้นวิ่งเปี้ยวอาจจะสูญหายไปอีกเหมือนการละเล่นไทยจำนวนมากกว่า 1200 ชนิดที่สูญหายไปแล้ว ผมจึงเริ่มพัฒนาให้วิ่งเปี้ยวให้เป็นกีฬา โดยเริ่มจัดการแข่งขันวิ่งเปี้ยวชิงแชมป์แห่งประเทศไทยขึ้นในปี 2561- ปัจจุบัน ทุกรายการที่จัดมีโรงเรียนส่งนักกีฬามาแข่งมากกว่า 200 โรงเรียน จำนวนนักกีฬามากกว่า 3,000 คน จึงทำให้รู้ว่าหากมีการจัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่องวิ่งเปี้ยวจะกลายเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในอนาคตหากวิ่งเปี้ยวจะกลายเป็นกีฬาสากลสัญชาติไทยเหมือนมวยไทยได้ก็คงจะสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศได้ไม่น้อย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการส่งเสริมร่วมกันของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาครัฐ”
นายดำรง บุญรอด กรรมการบริหารฝ่ายจัดการแข่งขันของสมาคมวิ่งเปี้ยวฯ กล่าวด้วยว่า “การจัดการแข่งขันวิ่งเปี้ยว จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทอายุไม่เกิน 12 ปี และอายุไม่เกิน 18 ปี ในอนาคตหากมีการส่งเสริมอย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน ก็จะทำให้มีประเภทการแข่งขันและจัดการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง เพราะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก”
คุณณัชชาพร ธรรมทินโน ผู้จัดการฝ่ายบริการส่วนหน้า บริษัทเมืองโบราณจำกัด กล่าวว่า “เมืองโบราณเกิดจากการหวงแหนในศิลปะและวัฒนธรรมอันดีของไทยมาโดยตลอด และวิ่งเปี้ยวก็เป็นอีกหนึ่งการละเล่นของไทยที่ควรค่าในการจะพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนเป็นสมบัติของชาติต่อไป”
นางรฎาวัญ วงศ์ศรีวงศ์ ประธานมูลนิธิพัฒนาเยาวสตรีภาคเหนือฯ กล่าวว่า “ วิ่งเปี้ยวเป็นพื้นฐานของทุกกีฬาสาล เนื่องจากมีการใช้สปีดต้นเป็นหลักหากเด็กไทยเล่นวิ่งเปี้ยวแล้วไปเล่นกีฬาอื่นก็จะทำให้มีสปีดต้นที่ดีกว่าคนที่ไม่เคยเล่นวิ่งเปี้ยวมาก่อน อีกทั้งยังเป็นกีฬาที่ไม่มีการปะทะกันจึงทำให้เกิดความรักใคร่สามัคคีในทีมเดียวกันและมิตรภาพอันดีกับทีมคู่แข่งอีกด้วย”
การจัดการแข่งขันวิ่งเปี้ยวชิงแชมป์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 4 จะจัดขึ้นวันที่ 17 ธันวาคม 2566 ณ อาคารประชุมเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ โดยมี 2 ประเภท 1.อายุไม่เกิน 12 ปี 2.อายุไม่เกิน 18 ปี ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูระเบียบการแข่งขัน และดาวโหลดใบสมัครได้ที่ FB : สมาคมวิ่งเปี้ยวประเทศไทย หรือสอบถามโทร 0985839898