กลายเป็นอุทาหรณ์สอนเด็กช่างกลคนไม่ตั้งใจเรียนไปอีก 1 คดี! เมื่อศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว กลุ่มผู้ต้องหานักเรียนนักเลง ที่ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายธนสรณ์ หรือ “น้องหยอด” ห้องสวัสดิ์ อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย แถมมีกระสุนถูกหลงไปถูก น.ส.ศิรดา สินประเสริฐ หรือ “ครูเจี๊ยบ” อายุ 45 ปี ครูสอนคอมพิวเตอร์โรงเรียนพระหฤหัยคอนแวนต์ จนเสียชีวิตรวม 2 ศพ เหตุเกิดหน้าธนาคารไทยธนชาติ สาขาคลองเตย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา
คดีนี้ทั้งญาติและทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งในเบื้องต้นมี 8 รายไปแล้ว แต่ศาลให้เหตุผลว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง ผู้ต้องหากระทำการในลักษณะเป็นขบวนการ มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างและพนักงานสอบสวนคัดค้าน หากปล่อยตัวชั่วคราวอาจหลบหนี ศาลพิเคราะห์แล้วจึงยกคำร้อง!
ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้รับรายงานผลการสืบสวนเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น จาก พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ที่ทำการขยายผล แกะรอยติดตามจากกล้องวงจรปิด สื่อโซเชียลมีเดีย รวมถึงการใช้เทคนิคพิเศษอีกหลายประการ
พบกลุ่มผู้ต้องหามีทั้งอดีตและนักศึกษาปัจจุบันของสถาบันคู่อริ มีพฤติกรรมตั้งตนเป็นองค์กรอาชญากรรมลับ จัดกิจกรรม “ซ่องโจร” รับน้อง ล้างสมองเด็กใหม่ ใส่ทุกชนวนให้เกิดความเกลียดชังฝั่งคู่กรณี ก่อนจะมีการวางตัวคนลงมือปลิดชีพฝ่ายตรงข้าม
ภาพปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นคือ นักศึกษาอาชีวะที่สังค,ยังมองว่าเป็น “เยาวชน” เหล่านี้ ก่อคดีฆาตกรรม ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ผ่านการกระทำแบบ “ลัทธิ” มีผู้สั่งการ ทีมวางแผนอำพราง ฝ่ายจัดหายานพาหนะ เรี่ยไรเงินซื้ออาวุธ แม้กระทั่งหากโดนจับก็มีการระดมทุนช่วยเหลือทางกฎหมาย
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหาใช่แค่เรื่องของ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย” และ “สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน” แค่ 2 สถาบันเท่านั้น!
ยังมีเด็กนักเรียน นักศึกษาอาชีวะอีกหลายๆ สถาบันทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่มีค่านิยมปลูกฝังให้ห้ำหั่นกันเอง จนบาดเจ็บล้มตาย สร้างความวุ่นวายให้ผู้บริสุทธิ์ในสังคม จนกลายเป็นปัญหาคาราคาซังมาโดยตลอด
ในฐานะที่ กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ก็มีสถาบันเทคนิคและโรงเรียนอาชีวศึกษาขนาดใหญ่ ในความรับผิดชอบอยู่ 3 แห่ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ สน.บางบอน สน.หลักสอง และ สน.หนองค้างพลู
พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 กล่าวถึงมาตรการรับมือนักเรียนตีกันให้ฟังว่า พื้นที่เฝ้าระวังหลักของกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 อยู่บนถนนพระราม 2 และ ถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นเส้นทางการเดินทางสัญจรของเหล่านักเรียนนักศึกษาอาชีวะเหล่านี้
ที่ผ่านมาตำรวจได้เชิญอาจารย์ของสถาบันต่างๆ เข้ามาร่วมพูดคุยถึงแนวทางป้องกันปัญหาอย่างสม่ำเสมอ เรียกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกับครูอาจารย์ของแต่ละสถาบันมีความสัมพันธ์ที่ดี มีการแลกเปลี่ยน แจ้งข้อมูลข่าวสารและเบาะแสความเคลื่อนไหวของกลุ่มเป้าหมายนอกลู่นอกทางกันอย่างต่อเนื่อง
ในแต่ละวันเราจะอาศัยข้อมูลข่าวสารที่ได้จากครูอาจารย์ และชาวบ้านที่ยินดีเป็นสายข่าวให้เรา การข่าวเหล่านี้สำคัญมาก โดยเฉพาะเรื่องการเข้าควบคุมตัวเด็กที่นำอาวุธไปซุกซ่อนตามแหล่งชุมชนก่อนเข้าไปเรียนในสถาบัน เอแค่ช่วงเดือน พฤศจิกายน นี้ เดือนเดียวก็ยึดและดำเนินการได้หลายสิบรายแล้ว ส่วนบนถนนจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเป็นด่านหน้า คอยสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนที่เดินทางไปกลับระหว่างบ้านและสถาบัน หากพบการรวมตัวเป็นกลุ่ม เคลื่อนย้ายเป็นก้อนอย่างน่าสงสัย จราจรจะเร่งประสานสายตรวจให้ดักรถประจำทาง หรือดักกลุ่มรถจักรยานยนต์ของเด็กๆ เพื่อขอตรวจค้นทันที
นอกจากมาตรการเฝ้าระวัง และการเร่งดำเนินการหากพบความผิดปกติแล้ว ยังมีมาตรการเชิงรุกด้วยการจัดกำลังฝ่ายสืบสวนทั้ง 10 โรงพัก โรงพักละ 2 นาย ร่วมกันออกปฏิบัติหน้าที่สืบเสาะหาข่าวในชุมชนยามค่ำคืนทุกวัน เน้นการตรวจสอบแหล่งซ่องสุมของวัยรุ่นที่เป็นนักเรียนนักศึกษาอาชีวะ หากพบพฤติกรรมต้องสงสัย มั่วสุมเสพยา หรือกำลังจัดเตรียมอาวุธ ก็สามารถประสานกำลังสายตรวจ ให้เข้าดำเนินการได้เลยทันที ซึ่งเรื่องเหล่านี้นอกจากตำรวจ กับครูอาจารย์ จะช่วยกันทำแล้ว ความร่วมมือจากชาวบ้านและผู้ปกครองของเด็กๆ ก็ถือว่าจำเป็นเอามากๆ
ที่ผ่านมาเมื่อตำรวจควบคุมเด็กเหล่านี้เอาไว้ได้ หากไม่ใช่คดีอาวุธปืน หรือยาเสพติด ที่พบของกลางแล้วจำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อาทิ การพกพาอาวุธมีด การตรวจยึดแหล่งเก็บซ่อนอาวุธมีด การซ่องสุมรวมตัวทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมเราจะรายงานพฤติกรรมที่เกิดขึ้นไปยังสถาบันต้นสังกัด ติดตามทั้งครู อาจารย์ ผู้ปกครองมาทำความเข้าใจ ให้คำแนะนํา ตักเตือน ทำทัณฑ์บน หรือวางข้อกําหนดเพื่อป้องกันมิให้เกิดการกระทำความผิดขึ้นมาอีก โดยแจ้งข้อกฎหมายที่เป็นการคุ้มครองเด็กและเยาวชนให้รับทราบ
“ผู้ใดกระทำการอันเป็นการยุยง ส่งเสริม ช่วยเหลือ หรือสนับสนุน ให้นักเรียน หรือนักศึกษาฝ่าฝืนบทบัญญัติตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ต้องระวางโทษ จําคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ถ้าหากเยาวชนดังกล่าวรวมกลุ่มเพื่อก่อเหตุ ทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น หรือเตรียมการเพื่อก่อเหตุดังกล่าว ผู้ปกครองต้องยินยอมให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดทันที!
เมื่อทีมข่าวถามว่า ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ จะเป็นวันสถาปนาวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงธน ของพื้นที่ สน.หลักสอง ในวันที่ 18 ม.ค.67 เป็นวันสถาปนาวิทยาลัยเทคโนโลยีหมู่บ้านครู ของพื้นที่ สน.หนองค้างพลู และในวันที่ 25 ม.ค.67 จะเป็นวันสถาปนาวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม ของพื้นที่ สน.บางบอน ทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 วางแผนรับมืออย่างไร?
พล.ต.ต.ประสงค์ ตอบทิ้งท้าย “เรื่องนี้อยู่ในแผนการ วางมาตรการเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย โดยเราเองก็จะต้องใช้มาตรการเดียวกันกับที่เคยทำกันในพื้นที่ บก.น.6 เราจะทำเซอร์ไพรส์ สนธิกำลังตำรวจเข้าไปเยี่ยม ไปหานักเรียนนักศึกษา ไปขอความร่วมมือตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมายในสถาบัน ซึ่งวันเวลาที่จะไปยังกำหนดไม่ได้ เพราะต้องรวบรวมข้อมูลข่าวสารก่อนลงมือดำเนินการ”